ข้อความต้นฉบับในหน้า
การถือกำเนิดในมนุษยโลกมีอยู่ 3 ประเภท คือ
1) เกิดในฟองไข่ (อัณฑชะกำเนิด) ได้แก่ สัตว์ดิรัจฉาน ต่างๆ เช่น นก จิ้งจก เต่า เป็นต้น
2) เกิดในครรภ์ (ชลาพุชะกำเนิด) ได้แก่ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมเป็นส่วนมาก เช่น คน แมว
ช้าง เป็นต้น
3) เกิดในสิ่งโสโครก (สังเสทชะกำเนิด) คือเกิดในสิ่งโสโครก จากสิ่งโสโครก ในซากศพ ในน้ำ
เน่า อาหารบูดเน่า ได้แก่ หนอน จุลินทรีย์ หรือสัตว์เซลล์เดียวหลากหลายชนิด จุลชีวันเหล่านี้ แม้เราไม่
สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่ก็สามารถ ใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดูได้
การถือกำเนิดนอกมนุษยโลกมีอยู่ประเภทเดียว ด้วยการผุดขึ้นเกิดแล้วโตทันที ชนิดที่เรียกได้
ว่า เกิดปุ๊บโตปั๊บ การเกิดโดยการผุดขึ้นนี้ มีคำศัพท์ทางธรรมว่า “โอปปาติกะกำเนิด” หรือ “อุปปาติกะกำเนิด”
โดยทั่วไปมักพูดกันว่า “โอปปาติกะ” เป็นการเกิดโดยไม่ต้องอาศัยพ่อแม่ แต่อาศัยแรงกรรมในอดีตทั้งฝ่าย
ลบและฝ่ายบวก แรงกรรมฝ่ายบวกจะนำไปถือกำเนิดในสุคติภพ ได้แก่ เทวดา และพรหม แรงกรรมฝ่าย
ลบจะนำไปถือกำเนิดในทุคติภพ หรืออบายภูมิ ได้แก่ นรก (นิรยะ) เปรต (ปิตติวิสัย) และอสุรกาย
โลกมนุษย์เป็นสุคติหรือทุคติ
โลกมนุษย์เป็นสุคติของมนุษย์ เป็นทุคติของดิรัจฉาน เหตุที่โลกมนุษย์เป็นสุคติ ก็เพราะเป็น
สถานที่แห่งเดียวสำหรับสร้างกรรมดีได้เต็มที่ของมนุษย์ เนื่องจากประกอบด้วยปัจจัยสำคัญ 3 ประการคือ
1) มนุษย์มีรูปกายแข็งแรงทรหดอดทน เหมาะแก่การสร้างกรรมดีทุกรูปแบบ
2) โลกมนุษย์เป็นแดนแห่งการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ มนุษย์
ทั้งหลายจึงมีโอกาสฟังพระธรรมเทศนาของพระตถาคตโดยตรง หรือจากพระอรหันตสาวกทั้งปวง แม้
พระตถาคต และเหล่าพระอรหันตสาวกจะเข้านิพพานกันไปหมดแล้ว ก็ยังมีพระภิกษุสงฆ์เป็นผู้ทรงจำ
พระธรรมวินัยของพระพุทธองค์ไว้ แล้วนำมาถ่ายทอดปลูกฝังอบรมมวลมนุษย์ให้เกิดสัมมาทิฏฐิ ตั้งใจ
สร้างแต่กรรมดี อันเป็นเหตุแห่งการไปสู่สุคติ
3) โลกมนุษย์เป็นแดนแห่งเนื้อนาบุญ คือมีพระสงฆ์สาวกผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบเป็นเนื้อ
นาบุญ ให้ผู้คนได้ถวายทาน เพื่อสั่งสมบุญกุศล ในปริมาณสูงกว่าการทำทานแก่ปุถุชน สูงกว่าการทำ
สังคมสงเคราะห์คนทั่วไป และการสงเคราะห์สัตว์ดิรัจฉาน 1
ด้วยเหตุปัจจัยทั้ง 3 ประการดังกล่าวแล้ว โลกมนุษย์จึงเป็นสุคติของเหล่าเทวดาซึ่งจุติจาก
สรวงสวรรค์มาเกิดเป็นคน และเป็นสุคติของเหล่าสัตวโลกที่พ้นกรรมจากทุคติมาเกิดเป็นคน เนื่องจากเปิด
โอกาสให้ทุกคนได้สร้างกรรมดีอย่างเต็มที่ และเท่าเทียมกัน
อย่างไรก็ตามผู้ที่ได้ถือกำเนิดเป็นคนในโลกนี้แล้ว ถ้าไม่รู้หรือไม่สนใจศึกษาพระธรรมวินัย
บ ท ที่ 1 แ น ว คิ ด ใ น ก า ร ป ฏิรูป มนุษย์ DOU 51