ข้อความต้นฉบับในหน้า
จะตอบ คำถามเรื่องการไหว้ทิศ 6 ต่อไป เพราะหากไม่ทราบถึงมาตรฐานคนดีที่โลก
ต้องการนี้ก่อนแล้ว การจะฟังเรื่องทิศ 6 ในความหมายของพระอริยสาวกให้เข้าใจถึงขั้น
ลงมือนำไปปฏิบัติ เพื่อปฏิรูปแก้ไขตนเองต่อไป ก็คงเป็นเรื่องยาก
อีกประการหนึ่ง การที่พระพุทธองค์ต้องทรงกำหนดมาตรฐานคนดีที่โลกต้องการให้
สิงคาลกมาณพฟังเป็นอันดับแรก ก็เพราะว่า ในทุกยุคทุกสมัยของโลกมนุษย์นี้ คนส่วน
มากยังเข้าใจความหมายของคำว่า “คนดี” ไม่ชัดเจน ซึ่งแบ่งออกได้ เป็น 4 ลักษณะสำคัญ
คือ
ลักษณะที่ 1 คนดี คือ คนที่ตั้งใจทำความดี และละเว้นความชั่วไปพร้อมๆ กันอย่าง
สุดชีวิต ส่งผลให้จิตใจของเขามีความผ่องใสมากขึ้นไปตามลำดับ
ลักษณะที่ 2 คนดี คือ คนที่ยังไม่ได้ทำความชั่ว แต่ว่าความดีก็ยังไม่คิดจะทำ ใจของ
เขาไม่ใส ไม่ขุ่น เป็นเหมือนกระจกฝ้า
ลักษณะที่ 3 คนดี คือ คนที่ทำชั่วน้อยกว่าคนอื่น มีใจขุ่นมัวน้อยกว่าคนชั่วทั้งหลาย
ลักษณะที่ 4 คนดี คือ คนที่ทำความชั่วได้มากกว่าคนอื่น เหล่าคนพาลจึงมองว่ามี
ความเก่งกล้า พิเศษกว่าคนอื่น ยิ่งทำความชั่วได้มากเท่าใด ในหมู่คนพาลยิ่งถือว่านั่นคือ
คนดีมากเท่านั้น แต่หารู้ไม่ว่าความจริงก็คือ จิตใจของผู้นั้นยิ่งมืดบอดมากขึ้น
แต่มาตรฐานคนดีที่พระองค์ทรงกำหนดมี 4 ประการ คือ
1) คนดีต้องละกรรมกิเลส 4
2) คนดีต้องไม่ทำบาปกรรมเพราะอคติ 4
3) คนดีต้องไม่ข้องแวะกับอบายมุข 6
4) คนดี คือ นอกจากตนจะเป็นผู้ปราศจาก บาปธรรม 14 ประการ ดังกล่าว ใน
3 ข้อ ที่ผ่านมาแล้วยังจะต้องสามารถอนุเคราะห์ทิศ 6 ของตน ให้พ้นจากบาปกรรม 14
ประการอีกด้วย จึงจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ปิดป้องทิศ 6
การที่คนดีมีมาตรฐานครบทั้ง 4 ข้อนี้ ถือได้ว่าเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อครองโลกทั้งสอง ซึ่งหมายถึงการมี
ชีวิตที่มีความสุขอย่างแท้จริงในโลกทั้งสอง คือ โลกนี้และโลกหน้า กล่าวคือขณะที่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ก็เป็นสุข
ครั้นเมื่อละโลกนี้ไปแล้ว ย่อมไปบังเกิดใหม่เพื่อเสวยผลแห่งกรรมดีของตน ในสุคติโลกสวรรค์ อย่างแน่นอน
มีความจริงอยู่ว่า การที่คนเราจะมีชีวิตเป็นสุขในโลกนี้ได้นั้น จะต้องมีปัจจัยสำคัญยิ่ง คือ การได้
อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีงาม และเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง
บ ท ที่ 7 สิ ง ค ล ก สู ต ร DOU 253