ข้อความต้นฉบับในหน้า
อีกนัยหนึ่ง การสร้างเครือข่ายคนดี คือ การสร้างมิตรแท้ และกำจัดมิตรเทียมในสังคมอย่าง
มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลอย่างยิ่งนั่นเอง
3.2.4 รู้จักใช้ทรัพย์ที่หามาได้อย่างเหมาะสม (สมชีวิตา) หรืออาจกล่าวสั้นๆ ว่า
“ใช้เป็น”
สาระสำคัญของ “ใช้เป็น” คืออะไร
2 ประการ คือ
สาระสำคัญของการใช้เป็น ตามที่พระพุทธองค์ตรัสแสดงไว้ใน ทีฆชาณุสูตร อาจแบ่งได้เป็น
1) ต้องรู้ทางเจริญ และทางเสื่อมแห่งโภคทรัพย์ ทางเจริญแห่งโภคทรัพย์ หมายถึง
รายจ่ายต้องน้อยกว่ารายรับ เพื่อให้มีเงินเหลือเก็บ หรืออาจเรียกว่ามี “รายเหลือ”
2) ต้องไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่ก็ไม่ฝืดเคือง การใช้จ่ายฟุ่มเฟือยนอกจากจะไม่มี “ราย
เหลือ” แล้วยังอาจจะต้องมีหนี้สินอีกด้วย การใช้เงินแบบฝืดเคืองนั้นหมายถึงมีทรัพย์แล้วใช้จ่ายอย่าง
กระเบียดกระเสียร เพราะความตระหนี่ จึงมีการกินอยู่อย่างแร้นแค้น แต่งกายอย่างขะมุกขะมอม อาศัย
อยู่ในบ้านเรือนซอมซ่อ ย่อมไม่ได้รับการให้เกียรติยกย่องจากผู้คนโดยทั่วไป หรืออาจถูกมองว่าเป็น
คนยากจนข้นแค้นไม่น่าไว้ใจ และที่มีผลร้ายที่สุดก็คือ ความตระหนี่ย่อมทำให้เป็นคนใจแคบ ไม่แบ่งปัน
ไม่สงเคราะห์ญาติมิตรเพื่อนฝูง ย่อมเป็นคนไม่น่ารัก ไม่สามารถผูกมิตรกับใครๆ ได้ คนประเภทนี้แม้จะมี
รายเหลือ แต่ก็บริหารทรัพย์ให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงไม่เป็น
จากสาระสำคัญของการ “ใช้เป็น” ทั้ง 2 ประเภทนี้ ย่อมเห็นได้ว่าการใช้เป็น คือ การใช้แล้ว
มีเงินเหลือ เมื่อมีเงินเหลือย่อมมีเงินเก็บ ครั้นเมื่อย้อนกลับไปดูเรื่อง “เก็บเป็น” ก็มีคำถามว่า เก็บไว้เพื่อ
อะไร
จากการฝังขุมทรัพย์ 2 วิธี ก็ทำให้เราทราบแล้วว่า การเก็บเป็นทรัพย์หยาบ นอกจากไม่พ้น
อันตรายจากเหตุต่างๆ แล้ว ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ถ้าเจ้าของทรัพย์หมดบุญ ทรัพย์ที่เก็บสะสมไว้นั้น ไม่ว่าจะ
มีจำนวนมากมายเท่าใด ก็จะอันตรธานสูญสิ้นไปหมด (อย่างที่พูดกันว่ามีอันจะเป็นไป)
แต่ทว่าการเก็บเป็นทรัพย์ละเอียด ย่อมปลอดภัยด้วยประการทั้งปวง ยิ่งกว่านั้นยังจะเกิด
ผลบุญที่จะคอยอำนวยความสุขความเจริญก้าวหน้าแก่เจ้าของทรัพย์ในโลกนี้ ครั้นละโลกไปแล้ว บุญนี้ก็
ยังตามไปส่งผลต่อในโลกหน้าอีกด้วย
ณ จุดนี้จึงกล่าวได้ว่า ที่เรียกว่า “ใช้เป็น” นั้นแท้ที่จริงคือ การบริหาร “รายเหลือ” ให้ได้
ประโยชน์สูงสุดนั่นเอง
การบริหาร “รายเหลือ” ให้ได้ประโยชน์สูงสุดมีวิธีการอย่างไร
บทที่ 3 ความยั่งยืน แห่ง คุณ สมบัติ ข อ ง ค น ดี DOU 115