การถ่ายทอดธรรมในพระพุทธศาสนา GB 203 สูตรสำเร็จการพัฒนาสังคมโลก หน้า 182
หน้าที่ 182 / 298

สรุปเนื้อหา

บทความนี้กล่าวถึงการใช้โวหารในการแสดงธรรมเพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจสาระของพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะการบอกทางสวรรค์และนรกให้แก่ญาติโยม สิ่งนี้ช่วยเสริมสร้างความเข้าใจและรสนิยมในการฟังธรรม และทำให้ผู้ฟังเห็นคุณค่าในเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำความดี ซึ่งส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างพระสงฆ์และชาวบ้านในการสนับสนุนการศึกษาและปฏิบัติธรรมอย่างมั่นคง พร้อมทั้งเน้นถึงความสำคัญของการศึกษาพระธรรมวินัยให้ถูกต้องเพื่อให้เข้าถึงความเข้าใจที่แท้จริง

หัวข้อประเด็น

-การศึกษาพระธรรมวินัย
-การถ่ายทอดธรรม
-บทบาทของพระสงฆ์
-ความสัมพันธ์ระหว่างพระสงฆ์และสังคม
-การพัฒนาคุณธรรมในสังคม

ข้อความต้นฉบับในหน้า

อุปไมยโวหารได้อย่างกว้างขวาง และคล่องแคล่ว ซึ่งนอกจากจะทำให้ผู้ฟังเข้าใจสาระ แห่งธรรมแจ่มแจ้ง แล้ว ยังจะเกิดความซาบซึ้งในรสแห่งโวหารของพระธรรมกถึกอีก จึงเกิดกำลังใจใคร่ติดตามศึกษา และ ฟังธรรมโดยมองเห็นคุณค่าอันประเสริฐของพระธรรมคำสั่งสอนในพระพุทธศาสนา ซึ่งผู้ฟังบางคนที่มี ความเห็นเป็นมิจฉาทิฏฐิก็จะเปลี่ยนแปรเป็นสัมมาทิฏฐิได้ดังกรณีพระยาปายาสิ นอกจากนี้ การใช้โสตทัศนูปกรณ์ประกอบการแสดงธรรมที่หลากหลาย ก็จะชวนให้ผู้ฟัง ติดตามฟังโดยไม่รู้สึกเบื่อหน่าย แม้จะเคยฟังเรื่องโดยสังเขปไปแล้ว ครั้นได้ฟังและได้ดูเรื่องโดยละเอียด พิสดารก็จะยังมีความกระตือรือร้นติดตาม ยิ่งได้ฟังหลายครั้งก็ยิ่งจะมีความเข้าใจสาระแห่งธรรมลึกซึ้งยิ่งขึ้น ซึ่งในที่สุดก็จะพัฒนาขึ้นมาเป็นลักษณะนิสัยรักการทำความดีเกลียดการทำกรรมชั่วโดยปริยาย 6) บอกทางสวรรค์ให้ หน้าที่ในข้อนี้หมายความว่า พระภิกษุต้องบอกเหตุแห่งการไปบังเกิด ในสวรรค์ในชาติหน้า ขณะเดียวกันย่อมมีนัยว่า ต้องบอกเหตุแห่งการไปบังเกิดในนรกแก่ญาติโยมด้วย ทั้งนี้ เพราะสถานที่ทั้งสองแห่งนี้ เป็นเรื่องที่ควรรู้พร้อมๆ กัน เช่นเดียวกับกรรมดี และกรรมชั่ว นักศึกษาคงจะสังเกตเห็นว่า ที่ผ่านมาทั้ง 5 ทิศนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมอบหมาย หน้าที่ให้แต่ละทิศเพียง 5 ประการเท่านั้น แต่สำหรับทิศเบื้องบนมีถึง 6 ประการ ซึ่งต้องถือว่าเป็นหน้าที่ เกียรติยศพิเศษสุดของพระสงฆ์ คือ การบอกทางสวรรค์ให้แก่คฤหัสถ์ พระพุทธองค์ทรงมีพระประสงค์อย่างไรในการมอบหน้าที่นี้ให้แก่พระสงฆ์ ตามหลักพระพุทธศาสนา การบวชเข้ามาเป็นพระภิกษุก็เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง เรื่องนี้ผู้ อุปสมบททุกคน ต้องบอกวัตถุประสงค์ในการบวชของตนแก่พระอุปัชฌาย์ในพิธีอุปสมบท ท่ามกลางภิกษุสงฆ์ อย่างชัดเจน เพื่อที่จะให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการบวชอย่างแท้จริงพระพุทธองค์จึงทรงกำหนดเป็นพระวินัย สำหรับพระภิกษุสงฆ์ทั้งมวลให้ต้องศึกษาพระธรรมวินัยให้ครบบริบูรณ์ ทั้งภาคปริยัติ ปฏิบัติ จนเกิดผล เป็นปฏิเวธ คือเกิดความเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่งในพระธรรมวินัยทั้งปวง เพื่อให้เป็นผู้ทรงภูมิรู้ภูมิธรรม อย่างแท้จริง โดยไม่ต้องประกอบอาชีพใดๆ เลี้ยงชีวิต นอกเหนือจากการบิณฑบาต ทั้งนี้เพราะถ้าภิกษุ ต้องมีภาระเกี่ยวกับการประกอบอาชีพเลี้ยงชีวิต โอกาสที่จะเป็นผู้ทรงภูมิรู้ภูมิธรรมอย่างแท้จริงนั้นยากที่ จะเกิดขึ้นได้ ครั้นเมื่อทรงภูมิรู้ภูมิธรรมแล้ว พระภิกษุก็ต้องมีหน้าที่ถ่ายทอดความรู้ทางธรรมให้แก่ ญาติโยมทั้งหลาย ซึ่งต้องสาละวนอยู่กับการทำมาหากิน ยากนักที่จะมีโอกาสศึกษาพระธรรมวินัยดังเช่น นักบวช แต่พระพุทธองค์ก็ทรงกำหนดให้ญาติโยมทำหน้าที่อุปถัมภ์พระสงฆ์ด้วยปัจจัย 4 ถือได้ว่าต่างฝ่ายต่าง ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน โดยวิธีนี้พุทธศาสนิกชนโดยทั่วไปก็จะสามารถตั้งอยู่ในสัมมาทิฏฐิอย่างมั่นคง * ปายาสิราชัญญสูตร ที. มหา. มก. 14/301/369 บทที่ 4 ผู้ลิขิต ชี วิ ต ค น ดี ที่ โ ล ก ต้ องการ DOU 167
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More