โทษของการติดการดูการละเล่นและการพนัน GB 203 สูตรสำเร็จการพัฒนาสังคมโลก หน้า 92
หน้าที่ 92 / 298

สรุปเนื้อหา

การดูการละเล่น หมายถึง การดูมหรสพต่างๆ ไม่เป็นการห้ามโดยเด็ดขาด แต่หากหมกมุ่นจนเสพติดจะมีโทษตามมามากมาย เช่น เสียเวลาในการทำมาหากินและปัญหาเศรษฐกิจตามมาจากพฤติกรรมดังกล่าว เมื่อพูดถึงการพนันก็ชัดเจนว่ามีแต่โทษ ผู้เล่นโดยส่วนใหญ่จะมีความหวังในการ ‘ได้’ แต่ส่วนใหญ่กลับจบลงด้วยการ ‘เสีย’ ซึ่งนำไปสู่ปัญหาและความฉิบหาย โดยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ชี้โทษของการติดการพนันใน 6 ประการ ที่สามารถผลักดันให้เกิดการก่อกรรมชั่วเพื่อความอยู่รอด ส่งผลให้เกิดเวรกรรมและปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น การก่อเวรในวงการพนัน การจองเวรของผู้แพ้ การเสื่อมทรัพย์ เป็นต้น

หัวข้อประเด็น

-โทษของการดูการละเล่น
-ผลกระทบทางเศรษฐกิจ
-โทษของการพนัน
-พฤติกรรมเสพติด
-ความฉิบหายจากการพนัน

ข้อความต้นฉบับในหน้า

3) โทษของการติดการดูการละเล่น การดูการละเล่น หมายถึง การดูมหรสพต่างๆ นั่นเอง จึงเข้าใจว่าพระพุทธองค์ไม่ได้ทรงห้าม เรื่องนี้โดยเด็ดขาด อาจจะไปดูบ้างเป็นครั้งคราว เพื่อเป็นการพักผ่อนหย่อนใจ ก็ไม่ถือเป็นเรื่องเสียหาย สิ่ง ที่พระพุทธองค์ทรงชี้โทษ คือการหมกมุ่นกับสิ่งบันเทิงเริงรมย์ ชนิดที่เรียกว่าการเสพติด ดังที่ตรัสแสดงไว้ พอเป็นตัวอย่าง 6 ประการ คือ 3.1) รำที่ไหนไปที่นั่น 3.2) ขับร้องที่ไหนไปที่นั่น 3.3) ประโคมที่ไหนไปที่นั่น 3.4) เสภาที่ไหนไปที่นั่น 3.5) บรรเลงที่ไหนไปที่นั่น 3.6) เถิดเทิงที่ไหนไปที่นั่น ใครก็ตามที่มีพฤติกรรมในทำนองเดียวกับตัวอย่างทั้ง 6 ประการนี้ ย่อมฟ้องว่าเขาหมกมุ่นอยู่ กับสิ่งบันเทิงเริงรมย์ จนทำให้เสียเวลาในการทำมาหากิน วิถีชีวิตเช่นนี้ ในที่สุดก็จะประสบกับปัญหา เศรษฐกิจอย่างไม่ต้องสงสัย บุคคลที่มีสัมมาทิฏฐิเข้าไปอยู่ในใจ ย่อมมองออกว่าการประสบกับปัญหาเศรษฐกิจจะเป็น ปัจจัยสำคัญยิ่ง ที่ผลักดันบีบคั้นคนเราให้ต้องก่อกรรมชั่วเพื่อความอยู่รอดนั้นย่อมหมายถึง การนำตนไปสู่ ความฉิบหายอย่างไม่มีทางเลี่ยง 4) โทษของการติดการพนัน ขึ้นชื่อว่าการพนันย่อมมีแต่โทษประการเดียว หาคุณไม่ได้เลย ทั้งนี้เพราะ ผู้เข้าไปสู่วงการ พนันทุกคน ล้วนเตรียมตัวเตรียมใจไป “ได้” ทั้งสิ้น ไม่มีใครคิดจะไป “เสีย” นั่นคือเตรียม ไปทำให้คนอื่น ฉิบหายนั่นเอง แต่โดยทั่วไปความฉิบหายก็ย้อนกลับมาสู่ตนเองอย่างหนีไม่พ้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงชี้โทษของการติดการพนันไว้ พอเป็นตัวอย่าง 6 ประการ คือ 4.1) ผู้ชนะย่อมก่อเวร ในวงการพนัน ผู้ชนะย่อมได้ ทรัพย์จากผู้แพ้ ฝ่ายผู้แพ้ย่อมเสียดาย เสียใจ หรือถึงขั้นสิ้นเนื้อประดาตัว จึงคิดแก้แค้นเอาเงินคืน นั่นคือผู้ชนะได้ก่อเวรให้กับตนเองแล้ว 4.2) ผู้แพ้ย่อมจองเวร ความคิดของผู้แพ้มีอยู่เรื่องเดียว คือการแก้แค้น เพื่อเอาเงินคืน ถ้าไม่สามารถแก้แค้นด้วยเกมการพนัน ก็อาจใช้วิธีอย่างอื่นที่ร้ายแรงได้ นั่นคือการจองเวรของผู้แพ้การพนัน 4.3) ผู้แพ้ย่อมเสื่อมทรัพย์ในปัจจุบัน ผู้ที่ติดการพนัน ในบางครั้งอาจจะมีเงินทองใช้จ่าย ฟุ่มเฟือยเมื่อเป็นผู้ชนะ เมื่อเป็นผู้แพ้ก็หมดตัว เป็นหนี้เป็นสิน แต่ในที่สุดแล้ว นักพนันส่วนใหญ่ล้วนอยู่ใน บ ท ที่ 2 คุ ณ ส ม บั ติ ข อ ง ค น ดี ที่โลกต้องการ DOU 77
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More