ข้อความต้นฉบับในหน้า
อุบาสกผู้ถึงสรณะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนตลอดชีวิต”
อธิบายความ : เมื่อฟังพระธรรมเทศนาจบลง สิงคาลกะเกิดดวงปัญญา สว่างโพลง
ขึ้นในใจว่า การไหว้ทิศ 6 ที่พ่อของตนเองสั่งไว้ก่อนตายนั้น หมายถึง การประพฤติตนเป็น
มิตรแท้ต่อผู้อื่น ด้วยการไม่ทำกรรมกิเลส 4 ไม่มีอคติ 4 ไม่ข้องเกี่ยวกับอบายมุข 6 โดย
เด็ดขาด ยิ่งกว่านั้น ยังจะต้องปฏิบัติตนอย่างถูกต้องดีงาม กับบุคคลรอบข้างแต่ละคน ให้
สมกับฐานะ ที่เขาเหล่านั้นเป็นบุคคลในทิศทั้ง 6 ของตน ตามหน้าที่ ที่พระสัมมาสัมพุทธ
เจ้า ทรงบัญญัติไว้ประจำทิศทั้ง 6 และเมื่อทำได้ครบถ้วนบริบูรณ์แล้ว ย่อมเป็นการปฏิรูป
ตนเองให้เป็นมนุษย์ที่ดีพร้อม สมควรเป็นคนดีที่โลกต้องการ แม้ยังไม่บรรลุธรรม เป็นพระ
อริยเจ้าเช่นเดียวกับพ่อแม่ของเขา แต่ก็ใกล้เข้าไปมากแล้ว จึงได้กล่าวสรรเสริญการแสดง
ธรรมของพระพุทธองค์ และประกาศตนเป็นอุบาสก มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง
พระอรรถกถาจารย์ได้กล่าวถึงความสำคัญของพระสูตรนี้ไว้ว่า “เป็นพระสูตรที่กล่าว
ถึงอริยวินัย ของคฤหัสถ์ที่สมบูรณ์ที่สุดในโลก เพราะได้ตรัสครอบคลุมข้อควรประพฤติ
ปฏิบัติทุกสิ่งทุกประการในการปฏิรูปมนุษย์ไว้อย่างครบถ้วน และ ถือได้ว่าอริยวินัยใดๆ อัน
เป็นของคฤหัสถ์ที่พระพุทธองค์ยังไม่ได้ตรัสไว้ใน “สิงคาลกสูตร” นี้ ย่อมไม่มีอีกแล้ว
สรุป
สิงคาลกสูตร คือ พระสูตรที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงอริยวินัยของคฤหัสถ์ เพื่อใช้
เป็นมาตรฐานในการปฏิรูปมนุษย์ ให้เป็นคนดีที่โลกต้องการ โดยมุ่งให้แต่ละคนมีความสำนึกรับผิดชอบ
อย่างเคร่งครัดต่อตนเอง และผู้อื่น และ ศีลธรรมถึง 4 ประการด้วยกัน คือ
1. คนดีต้องมีสำนึกรับผิดชอบต่อศักดิ์และศรีแห่งความเป็นมนุษย์ของตนเองด้วยการไม่
ทํากรรมกิเลส 4
2. คนดีต้องมีสำนึกรับผิดชอบต่อศักดิ์ และศรีแห่งความเป็นมนุษย์ของผู้อื่นด้วยการไม่ทำ
อคติ 4
3. คนดีต้องมีสำนึกรับผิดชอบต่อศีลธรรมทางเศรษฐกิจ ด้วยการไม่ข้องเกี่ยวกับอบายมุข 6
4. คนดีต้องมีสำนึกรับผิดชอบในการปิดป้องทิศ 6 ให้พ้นจากบาปกรรม 14
ทั้งหมดนี้ คือหลักการ ปฏิรูปมนุษยชาติให้เป็นคนดีที่โลกต้องการ ดังปรากฏอยู่ใน สิงคาลกสูตร
ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค สุตตันตปิฎก ซึ่งสืบทอดมายาวนานกว่าสองพันห้าร้อยปีแล้ว ขอเชิญนักศึกษา พิจารณา
ไตร่ตรองให้ลุ่มลึก และนำไปประพฤติปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน ให้สมควรแก่ธรรมเถิด
บ ท ที่ 7 สิ ง ค ล ก สู ต ร DOU 281