ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมะเพื่อประช
จ น ข้ า ม า พ ร ว ย ข้ า ม ช า ติ (๑)
១៩០
วันหนึ่ง หลังจากเสร็จภัตกิจ พระบรมศาสดาได้ทรงทำ
อนุโมทนาว่า “อุบาสกอุบาสิกาทั้งหลาย คนบางคนในโลกนี้คิดว่า
เราให้ของของตนเท่านั้น ก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปเสีย
เวลาชักชวนคนอื่น เมื่อคิดเช่นนี้ จึงให้ทานด้วยตนเองเท่านั้น
ไม่ชักชวนผู้อื่น บุคคลนั้นย่อมได้โภคทรัพย์สมบัติ ไม่ได้บริวาร
สมบัติในที่ที่ตนไปบังเกิด บางคนชักชวนผู้อื่น แต่ตนเอง ไม่
ยอมบริจาค เมื่อผลบุญบังเกิดขึ้น ย่อมได้บริวารสมบัติเพียง
อย่างเดียว แต่ไม่ได้โภคทรัพย์สมบัติ รวยบริวารแต่ขาดแคลน
ทรัพย์สมบัติ
บางคนเป็นคนตระหนี่ ทั้งตนเองไม่ยอมให้ทาน และไม่
ชักชวนคนอื่น จะไปบังเกิดภพภูมิไหน ก็ไม่มีโภคทรัพย์สมบัติ
ไม่มีบริวารสมบัติ ต้องเป็นคนที่มีชีวิตอยู่อย่างอัตคัดขัดสน
กินเดนคนอื่น แต่บางคนเป็นผู้มีปัญญา รู้คุณค่าของทานว่า คือ
เสบียงสําหรับเดินทางไกลในสังสารวัฏอย่างแท้จริง จึงให้ทาน
ด้วยตนเอง และขยันชักชวนผู้อื่นให้มาร่วมบุญ เขาย่อมได้รับ
อานิสงส์ใหญ่ คือ ได้ทั้งโภคทรัพย์สมบัติและบริวารสมบัติ ในที่
ที่ตนเกิดแล้ว”
หนุ่มบัณฑิตคนหนึ่งนั่งในธรรมสภา ได้ฟังอนุโมทนากถา
นั้นแล้ว จึงสอนตนเองว่า บัดนี้เราจะทำสมบัติทั้งสองอย่าง