ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมะเพื่อประชา
แก้ปัญหาด้วยปัญญาอันลึกซึ้ง (๓)
๓๘๑
พระราชาจึงตรัสถามว่า “ไหนล่ะโจทก์” นายคามณีจันท์
จึงกราบทูลว่า “คนนี้พระเจ้าข้า” พระราชาตรัสถามว่า “เจ้าว่า
บุรุษผู้นี้เป็นผู้ลักโคของเจ้าไปอย่างนั้นจริงหรือ” “จริงพระเจ้าข้า”
เจ้าของโคตอบ พระราชาจึงตรัสถามนายคามณีจันท์ว่า “แล้ว
ความจริงมันเป็นอย่างไรล่ะ ท่านจงเล่ามาซิ” เขาได้เล่าเรื่องราว
ทั้งหมดไปตามความเป็นจริง ตั้งแต่ที่ยืมโคไปแล้ว จนเอามาส่งคืน
แต่ยังไม่ได้บอกเจ้าของเพราะเจ้าของโคกับภรรยากำลังทานข้าว
อยู่ และเจ้าของก็เห็นแล้วว่า โคเข้าบ้านไปแล้ว แต่ตอนที่โคหาย
ไปนั้น หายไปตอนกลางคืน ซึ่งไม่รู้ว่าใครขโมยไป
พระราชาทรงดำริว่า “เราต้องคุกคามโจทก์ให้กลัวอาญา
แผ่นดิน เพราะโจทก์ได้คุกคามจำเลยผู้ไม่ใช่ขโมยให้เป็นขโมย”
พระองค์จึงทรงตัดสินพิพากษาว่า “ท่านนายคามณีจันท์ผู้เจริญ
เพราะท่านคืนโคโดยไม่บอกเจ้าของมีความผิดฐานไม่บอกกล่าว
ให้ท่านชดใช้ค่าโคเขาไป แต่เจ้าของโคก็มีความผิดฐานกล่าวเท็จ
ปรักปรำท่านให้เป็นคนผิด ทั้งๆ ที่ก็เห็นอยู่ว่าท่านนำเอาโคกลับ
มาคืนแล้ว แต่แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ฉะนั้นราชบุรุษจงควัก
เอาลูกนัยน์ตาทั้งสองข้างของเจ้าของโคออก แล้วจงเอาทรัพย์มา
๑๒ ตำลึง มาชดใช้ค่าโคให้แก่เจ้าของโค”
เจ้าของโคได้ฟังคําพิพากษาเช่นนั้นก็ก้มลงหมอบแทบเท้า
ของนายคามณีจันท์ กล่าวว่า “ขอท่านจงเป็นที่พึ่งแก่ข้าพเจ้า