ข้อความต้นฉบับในหน้า
Bะเพื่อประช
คุณค่าแห่งศิลปะ
๓๔๒
มูลแพะไปทีละก้อนทางช่องม่าน ให้พุ่งเข้าปากของปุโรหิต
ทุกครั้งที่อ้าปากพูด โดยที่ปุโรหิตไม่ทันรู้สึกตัวว่า กลืนกินมูลแพะ
เข้าไป จนกระทั่งมูลแพะทั้งทะนาน เข้าไปอยู่ในท้องของปุโรหิต
ถึงครึ่งท้อง
เมื่อพระราชารู้ว่ามูลแพะหมดแล้วจึงตรัสว่า “ท่านปุโรหิต
ท่านกลืนมูลแพะเข้าไปตั้งทะนาน เพราะความเป็นคนช่างพูด
ท่านยังไม่รู้ตัวเลยหรือ เราเกรงว่าท่านจะไม่สามารถย่อยมูล
แพะนั้นได้ จงกลับไปดื่มยาถ่ายมูลแพะทิ้งเถอะ” ทันทีที่ปุโรหิต
รู้ตัวว่าตนเองกลืนมูลแพะเข้าไปทั้งทะนาน เพราะนิสัยช่างพูด
ก็รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่ง ตั้งแต่นั้นมา เขากลายเป็นคน
ปิดปากสนิท แม้ใครจะชวนคุยก็ไม่ค่อยยอมพูดด้วย
พระราชาทรงสบายหูจึงพระราชทานบ้านส่วย ๔ หลัง
ในทิศทั้ง ๔ อีกทั้งบุรุษง่อยนั้นจะได้รับส่วยประมาณ 900,000
กหาปณะ เป็นประจำ ต่อมาพระโพธิสัตว์ได้เข้าเฝ้าพระราชา
ปรารภเรื่องชายง่อย พลางกราบทูลว่า “ข้าแต่พระราชา ขึ้น
ชื่อว่าศิลปะ แม้อย่างใดอย่างหนึ่ง ย่อมยังประโยชน์ให้สำเร็จ
โดยแท้ ชายง่อยได้บ้านสวยทั้ง ๔ ทิศ ก็ด้วยการดีดมูลแพะเท่านั้น”
จากเรื่องนี้ จะเห็นได้ว่า เพียงแค่มีศิลปะในการดีด
ก้อนกรวดเท่านั้น ยังช่วยให้ชายง่อยได้ทรัพย์สมบัติมากมายถึง