ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมะเพื่อประชาช
ได้โปรดอภัยเถิด
พระเจ้าเอกราชตรัสว่า “เราไม่มีใจขัดเคืองในท่าน ขันติ
เป็นตบะธรรมอย่างยิ่ง เราปรารถนาขันติธรรม บัดนี้เราได้ขันติ
บารมีแล้ว พละกำลังของเราก็กลับมาเหมือนเดิม กิจที่จะพึงทำ
เราก็ได้ท่าแล้วคือทั้งการท้าทาน รักษาศีลและเจริญเมตตาภาวนา
เราจึงไม่ละฉวีวรรณและกำลังกาย แม้เราจะถูกโยนลงไปใน
หลุมอันขรุขระ มากไปด้วยทุกข์ แต่เราก็บรรเทาความทุกข์ใน
หลุมนั้นได้ ด้วยการเจริญเมตตา มีความสุขอยู่ด้วยฌานสมาบัติ
ที่บังเกิดขึ้น เราจึงไม่เป็นผู้เร่าร้อนเช่นท่าน”
พระเจ้าทัพพเสนะได้ฟังดังนั้น จึงอ้อนวอนขึ้นว่า “ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ ได้โปรดอดโทษให้หม่อมฉันผู้โง่เขลาเถิด
ขอพระองค์ทรงครองราชสมบัติดังเดิม หม่อมฉันจะเป็นผู้คอย
ปกป้องผองภัยให้พระองค์เอง” ฝ่ายพระโพธิสัตว์เมื่อได้ฌาน
สมาบัติแล้ว ทรงคลายความยึดมั่นถือมั่นในราชสมบัติ มีปัญญา
เห็นว่าการครองราชสมบัติเป็นทางมาแห่งทุกข์ มิใช่หนทางเพื่อ
ความพ้นทุกข์ จึงมอบสมบัติทั้งหลายแก่เหล่ามหาอำมาตย์
แล้วทรงออกผนวชเป็นฤๅษีบำเพ็ญภาวนาไปจนตลอดชีวิต
ละโลกไปแล้วก็ได้เข้าสู่พรหมโลก
จะเห็นได้ว่า ความเต็มเปี่ยมของชีวิตมิได้ขึ้นอยู่กับ
ทรัพย์สมบัติ เกียรติยศ ชื่อเสียง เงินทอง แม้บัณฑิตในกาลก่อน
ก็ได้สละสิ่งเหล่านี้มาแล้ว ได้สละความสุขอันเล็กน้อย แล้วมุ่งเข้า