ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมะเพื่อประชาช
เส้นทางจอมปราชญ์ (๔)
๔๗๕
พระนาคเสนได้ฟังคานิมนต์ ก็ตอบว่า “ดูก่อนท่านทูต
ท่านจงกลับไปทูลพระราชาเถิดว่า อาตมาขอเชิญพระองค์เสด็จ
มายังสำนักของอาตมา” ทูตได้ฟังดังนั้นก็กลับไปทูลพระราชา
ตามคำของพระเถระ พระเถระท่านไม่หวั่นเกรงในกิตติศัพท์
ความเป็นผู้มีปัญญาของพระราชา ผู้รู้จริงและรู้แจ้งนี้ ไม่มีอะไร
จะต้องหวาดหวั่น เพราะท่านรู้แจ้งเห็นจริง ทั้งนิพพาน ภพสาม
โลกันต์ ฉะนั้นเรื่องราวในโลกหรือเรื่องนอกโลกท่านรู้เห็นหมด
ทําให้ไม่จําเป็นต้องหวาดหวั่นอะไร
พอราชทูตกลับมาถวายรายงาน บ่ายนั้นพระองค์ก็
เสด็จขึ้นราชรถมุ่งตรงต่อสำนักของพระนาคเสนทันที ไปถึงก็ลง
จากราชรถแล้วดำาเนินไป ขณะนั้นเป็นเวลาที่พระภิกษุสงฆ์
กำลังประชุมกันอยู่ ทำให้มองไม่ออกว่าองค์ไหนคือพระนาคเสน
จึงตรัสถามอ่ามาตย์ เมื่อทราบว่าภิกษุผู้นั่งอยู่ท่ามกลางคณะ
สงฆ์คือพระนาคเสน พอได้เห็นแค่นั้นก็หวาดหวั่นในพระทัย
เหมือนกวางเห็นเสือ เหมือนหมู่เนื้อเห็นพระยาสีหะ เพราะท่าน
ทั้งสองเคยเกิดเป็นอาจารย์ลูกศิษย์กันมาก่อน
พระยามิลินท์เดินเข้าไปใกล้พระนาคเสน นมัสการท่าน
ทรงทำปฏิสันถาร ทักทายปราศรัยกันพอสมควร พระยามิลินท์
จึงเอ่ยก่อนว่า “ข้าแต่พระนาคเสนผู้เจริญ โยมนี้ปรารถนาจะ
เจรจากับพระคุณเจ้า” พระนาคเสนจึงกล่าวว่า “มหาบพิตร