ข้อความต้นฉบับในหน้า
เส้นทางจอมปราชญ์ (๗)
៥០៤
หากตายด้วยโรคอันเกิดแต่กรรมวิบาก ชื่อว่าสามายิกากาลกิริยา
หมายถึงตายด้วยกาลอันเป็นกรรมในอดีตที่ตนกระทำไว้แต่ชาติ
ปางก่อน ส่วนถ้าหากตายด้วยเหตุอย่างอื่น ตั้งแต่ตายด้วยโรคลม
จนถึงโรคเลือดไหลไม่หยุด ทั้ง ๓ อย่างนั้นชื่อว่าอสามายิกา-
กาลกิริยา จึงหมายถึงตายไม่สมควรแก่กาลสมัย”
พระยามิลินท์ได้ถามต่อไปว่า “ที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า
ตายเป็นอกาลมรณะนั้นเป็นอย่างไร” พระนาคเสนเถระ
จึงกล่าวอุปมาให้ฟังว่า “มหาบพิตร กองเพลิงไหม้ไปจนสิ้นเชื้อ
ใบไม้แห้งก็ดับไป นี้ชื่อว่า สามายิกนิพพุตา ดับเองฉันใด บุคคล
มีอายุยืนได้มากปานใด หาโรคภัยอุปัทวะสิ่งไรมิได้ ตายไปเอง
เหมือนกองเพลิงดับเพราะไม่มีเชื้อ ชื่อว่า สามาชิกมรณะ ส่วน
กองเพลิงใหญ่ไหม้อยู่ เชื้อไม้แห้งทั้งหลายยังไม่หมด มีฝน
หาใหญ่ตกลงมาทําให้ไฟกองนั้นดับลง กองเพลิงนั้นย่อมชื่อว่า
อสามายิกนิพพุตา ไม่ได้ดับเอง ข้อนี้อุปมาฉันใด บุคคลที่ยังไม่
กำหนดอายุขัยในวาระที่เกิดมา ตายด้วยเหตุประการใด
ประการหนึ่ง ชื่อว่าตายเป็นอกาลมรณะ ฉะนี้แลมหาบพิตร"
พระยามิลินท์ได้ทรงฟังคำอุปมาเกี่ยวกับความตาย
อย่างนี้ก็ชื่นชมโสมนัส รับรู้ถึงความเป็นไปของมวลมนุษย์
ผู้กำลังบ่ายหน้าไปสู่ความตาย และการตายของแต่ละคนมี