ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมะเพื่อประชา
เส้นทางจอมปราชญ์ (๔)
๔๗๓
เมื่อพระเถระตอบเช่นนี้ พระราชาตรัสต่อไปว่า “ข้าแต่
พระผู้เป็นเจ้า ความเป็นคฤหัสถ์ และการบรรพชาของพระคุณเจ้า
ทั้งหลายก็เสมอกันนะซิ ถ้าอย่างนั้น ภิกษุสงฆ์ที่ถือธุดงค์ต่างๆ
ชะรอยว่าได้สร้างกรรมไว้แต่ปางก่อน กลุ่มที่ถือเอกา ฉันมื้อเดียว
ชาติก่อนคงเป็นโจรไปขโมยอาหารเขามา ครั้นชาตินี้ ผลกรรม
ดลจิตให้ฉันหนเดียว จะว่าไปแล้วการบรรพชาก็ไม่มีผลอะไร
ศีลสังวรวินัยก็ไม่มีผล ส่วนกลุ่มที่ถือธุดงค์อยู่ในกลางแจ้ง เมื่อ
ก่อนคงเป็นโจรปล้นทำลายบ้านเมืองเขา ทำให้เจ้าของต้อง
ทรมานหาที่อยู่ไม่ได้ ผลอกุศลก็ดลใจให้ถืออัพโภกาสิกธุดงค์
หาที่นั่งที่นอนไม่ได้ ธุดงค์คุณ และพรหมจรรย์ก็เป็นของสูญ
เปล่าละสิ
ส่วนท่านที่ถือธุดงค์เนสัชชิกังคะ นั่งอย่างเดียว ชาติก่อน
คงจะเป็นโจร คอยดักปล้นชาวบ้านตามที่ต่างๆ พอจับเจ้าของได้
ก็ผูกมัดรัดมือไว้ แล้วเก็บเอาข้าวของโคกระบือไป ผลกรรม
เลยทำให้ผูกพันกับเนสัชชิกธุดงค์ จะนอนลงไปก็ไม่ได้ นั่งก็แสน
จะลำบาก โยมคิดดูแล้ว ธุดงค์นี้ไม่มีผล จะเป็นศีลก็ไม่ใช่ จะ
เป็นตบะหรือพรหมจรรย์ก็ไม่ใช่ ไม่รู้ว่าเมื่อเป็นอย่างนี้ จะรักษา
ธุดงค์ไปทำไม ในเมื่อคฤหัสถ์ก็บรรลุธรรมได้ เป็นคฤหัสถ์ไม่ดี
กว่าหรือพระคุณเจ้า”