ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค 7 - อันตราความมบทแปล - หน้าที่ 72
ชื่อว่าสามา ได้อาหารในโรงทานของท่านโมสเกศโรลึงชีพร
อยู่ นายมิตฺภกุฎภูมิผู้จัดการโรงทานเห็น และทราบเรื่องว่ามา
อย่างนั้นๆ จึงรามเสียงไว้เป็นลูก และให้ช่วยจัดการในโรงทานน
เป็นการเรียบร้อย ให้ท่านว่าขนโรงทาน จึงได้บนามเต็มนั่นว่า
สามาวดี ความทราบไปถึงตัวท่านเศรษฐี เศรษฐีวิวรรธไปเลี้ยง ตั้งไว้
ในฐานะเป็นลูกสาว ครวณมิอรรญญาใหญ่ เป็นที่ต้องพระหฤทัยของ
พระเจ้าอทุทน ท้าวเรอังกรทรงขอไป ตั้งให้เป็นอัครมหา ภายหลัง
พระเจ้าอทุทนเสกสักแก่พระเจ้านั้นปชโชด ถูกจับไปเป็นเชลย
ท้าวเธอให้ขังไว้ทำสำเร็จโทษไม่ อยู่ไปชั่วมัยน เกิดมีภาระลำบากขึ้น
คือรักใคร่ได้เสียกันกับพระราชิจฉาของพระเจ้าจันทปโช พระนามว่า
วาสลทัตตา
ในกลามเมื่อพระพุทธองค์ไม่อภิญฉาในโลก พระเจ้าจันทปโชโสด
ได้เกิดเป็นอุปฐากของอิสระชนผู้นิ่ง กาลนั่งยังมีพระปิฏกพุทธเจ
องค์หนึ่ง เที่ยวบินทบาต ไม่ได้อาหารบินทบาต เพราะชาวนคร
ถูกมารดใจเสีย จึงไม่ได้สบทา อิสระชนเห็นจึงจัดแจงถวายอาหาร
บินทบาต ใช้ให้อุปฐากตนดำรงไว้รังในภาวนาในการรับบาตรและส่งบ
ถวายคืน และยกลส่วนบุญให้แก่ภูษาแกู่ผู้ทำการขวนขวาย นำบาตรไป
ถวายแก่พระปิฏกพุทธเจ้า เมื่อเขานำบาตรพร้อมด้วยอาหารบินทบาต
ไปถวาย พระปิฏกพุทธเจ้าได้อบโอนโมทน๋แก่เขาว่า :-