ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค 3 - อันดับธรรมมะแปล - หน้า 130
ยอมละชีวิตไป เช่นการปะทะพระวินัยให้ยอมละชีวิตไป ดีกว่า
ประพฤติง่วงสงบที่พระพุทธเจ้าห้าม ในเรื่องนี้ แม้ในอดีต-
กาลล่วงมาถึง เช่นพระเถระองค์หนึ่ง ในวันวันประเทศ ผู้นิ่อ
และโคตรอรินไม่ปรากฏ รักษาพระวินัยญาติครั่งครัด คือท่านถูก
พวกโจรจับเอาตัวไปได้ แต่พวกมันไม่ฆ่า ครั้นจะปล่อยตัวตามา
พวกมันก็เกิดความว่า พวกมันไม่ฆ่าท่านไว้ด้วย
พวกมันก็แรงว่า จะมาบอกความที่พวกมันชุ่มช่อนอยู่นานใคร ๆ อัน
จะเป็นเหตุทำอาชีพของพวกมันเสีย พวกมันจึงบัดทนไว้ด้วย
เววัสซ์ ให้อนแตรอุกลางป่า ท่านถอดสัตว์ปฏิญาณ คงนอน
แถวอยู่ตามที่พวกมันมั่นใจ เจริญวิปัสสนาไปสิบ 3 วัน ได้บรรลุ
พระอนาคามผลทั้งหมดนั้นแล แล้วอมตายด้วยอากราอย่างนั้น จิติด
จากนั่นไปเกิดในพรหมโลก
ยังมีพระเถระอีกองค์หนึ่ง ในความฟันธิวิธี ถูกพวกโจร
มัดให้ออนแตรอยู่ด้วยอาการอย่างนั้นอีก คงถือสัตย์อย่างนั้นเหมือนกัน
ถึงเมื่อไฟป่าไหม้สมมาอยู่ ท่านก็ได้ดันให้เขาวัดอุตจาก เพื่อหนี
ไฟเลย กลับตั้งใจเจริญวิปัสสนา ก็ได้รับธรรมวิสุทธิ เป็นผู้มี
คุณวิเศษอุดิอุดิระสมอด้วยชีวิต เจริญพานาแล้ว ไฟจะมีไหม
ถามมา ๆ ก็เลยทำการอปนินไก่ก เขาท่านนั้น
เรื่องของพระเถระทั้ง ๒ นี้ ยอมละชีวิตไป หายอมละสัตว์ปฏิญาณ
ไม่ เพราะเหตุในพระศาสนาท่านสอนกันอย่างนี้ จึงได้มีคำถามโลก ๆ
กล่าวกันอยู่ว่า “ เศษพออายเสียสติ” และมีคำพูดเป็นกาล สำหรับ
เป็นหัวใจของนักวิญญา :-