ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมะเพื่อประชาชน
สรณะอันเกษม
๑๕
กับพระเจ้าปเสนทิโกศล ต่อมาเมื่อท่านชราภาพลงแล้ว ก็อยาก
จะแสวงหาที่วิเวก จึงได้กราบบังคมทูลลาพระราชาเพื่อออก
บำเพ็ญสมณธรรม ได้บวชเป็นฤาษี ตั้งบรรณศาลาอยู่ที่ริมฝั่ง
แม่น้ำแห่งหนึ่ง มีผู้ที่เลื่อมใสในท่านปุโรหิต จำนวนถึงหมื่นคน
เพราะมีความเชื่อมั่นในความเป็นพหูสูตของท่านปุโรหิต ว่าจะ
สามารถแนะนำสั่งสอนให้รู้จักที่พึ่งที่แท้จริงได้ ในที่สุดก็ได้บวช
เป็นฤๅษีตาม อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ
ต่างตั้งกติกากันไว้ว่า หากเวลาที่ใครเกิดกามวิตกขึ้นมา
คือเมื่อเป็นฤๅษีแล้ว ถ้าไปนึกถึงเรื่องทรัพย์สมบัติหรือเรื่องสตรี
เป็นนักบวชแล้วยังนึกถึง ๒ เรื่องนี้ ก็ให้ไปขนเอาทรายที่ริมฝั่ง
แม่นํ้ามากองไว้ นี่จัดเป็นความดีอย่างหนึ่งที่ท่านฤาษีอัคคิทัตได้
สั่งสอนแก่บริวารฤๅษี หากเกิดความรู้สึกอย่างนี้แล้ว ก็ให้ไปขน
ทรายมา แล้วก็ไม่ว่ากัน ไม่ต้องรู้สึกอายกัน เป็นการเปิดเผย
ความบริสุทธิ์ใจซึ่งกันและกัน
ปรากฏว่า ทรายที่ริมฝั่งน้ำ ถูกขนขึ้นมากองโตเป็นภูเขา
ทีเดียว จนกระทั่งมีพญานาคเกิดความยินดีในทรายกองโตนั้น
เห็นว่ามันสวยงาม จึงไปนอนเฝ้าอยู่บนยอดกองทราย พระผู้มี
พระภาคเจ้าทรงสอดพระญาณในยามรุ่งอรุณ มองเห็นอุปนิสัย
ของฤๅษีอัคคิทัตและบริวาร ว่าจะได้บรรลุมรรคผลนิพพาน