ข้อความต้นฉบับในหน้า
Bsu:
เร
พิจารณาปล่อยวางในขันธ์ ๕
พิจารณาเห็นกายในกายเข้าไปเรื่อยๆ พิจารณาเห็นว่า แม้จะ
ไปเป็นเทวดาก็ตาม ก็ยังไม่คงที่ ยังต้องมาเกิดอีกความติดอก
ติดใจในกายทิพย์ของสวรรค์ก็หายไป ท่านปล่อยวางต่อไป
ไม่ยึดมั่นถือมั่น
พอหลุดจากกายทิพย์ ก็ไปติดอยู่ในกายรูปพรหมอีก
เข้ารูปฌานสมาบัติมีความสุขกว่าชาวสวรรค์มากมายหลายเท่านัก
อายุก็ยืนกว่า ไม่เจ็บไม่ป่วยไม่ไข้ เหลืออยู่อย่างเดียว ยังไม่เที่ยง
ต้องจุติอีกเหมือนกัน ก็มองเห็นทะลุปรุโปร่ง มองด้วยสภาวะ
ของใจที่เป็นกลางๆ ตรวจตราดูทั่วถึงหมดทั้งรูปภพ ไม่มีใคร
ที่ไม่จุติเลย หมดกำลังบุญแล้ว ก็ต้องจุติหมด ยกเว้นรูปพรหมที่
เป็นพระอนาคามี ท่านมีความเพียรต่อก็ไปนิพพานได้ แต่นอกนั้น
จุติหมด มองเห็นแล้วก็เบื่อหน่าย คลายความยึดมั่นถือมั่น จิตก็
หลุดพ้น แล้วก็เห็นว่าจิตของท่าน หลุดพ้นจากการยืดอันนี้แล้ว
ทิ้งไปเลยไม่อาลัยอาวรณ์
พอตัดขาดไปเหมือนตาลยอดด้วน ไปเจออีกกายหนึ่ง
ที่ประณีตกว่ารูปพรหม ท่านเรียกว่า อรูปพรหม สวยงามกว่า
มีความเป็นใหญ่ บริวารพวกพ้อง ความสุขอยู่ในอรูปฌานสมาบัติ
ที่ละเอียดประณีต มีอารมณ์คล้ายๆ กับพระนิพพาน สุขจริงๆ
กระทั่งอรูปพรหมลืมตัวไปคิดว่าเราไม่ต้องจุติอีกแล้ว ลืมไปเลย
กิเลสในตระกูลโมหะมันเข้าไปครอบงำไว้ ทำให้ปัญญาแม้จะ