ข้อความต้นฉบับในหน้า
Dsuem ประชาช
พระอริยเจ้า
๕๑๑
อาสวะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโลภะ โทสะ โมหะ หรืออวิชชา ที่นอน
เนื่องอยู่ในจิตใจมาเป็นเวลายาวนาน จะถูกขจัดให้หลุดร่อนออก
ไปหมด ด้วยใจที่หยุดนิ่งอย่างเดียว
ถ้าหยุดใจได้สนิท จะยกฐานะจากความเป็นคน มาเป็น
มนุษย์ ผู้มีใจสูง คำว่า คน แปลว่าผู้ที่ยังวนอยู่ในบ่วงแห่งมาร
ทำให้ไม่รู้อะไรไปตามความเป็นจริง มารเอากิเลสเอาอาสวะ
มาใส่ในใจ แล้วคน ให้วนติดอยู่ในบ่วงของมาร คือติดอยู่ใน
รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์ ผู้รู้ท่านจะเอาใจหยุดนิ่งไว้
แต่เดิมท่านก็เป็นผู้ไม่รู้เหมือนอย่างพวกเรานี่แหละ พอใจหยุดได้
ก็เรียกว่า บุคคล หมายถึงผู้พ้นจากอาจม จากของเน่า จาก
บ่วงของมารได้ในระดับหนึ่งแล้ว พอเอาใจหยุดได้ถูกส่วนก็
เปลี่ยนแปลง เป็นโคตรภูบุคคล เป็นผู้มีปัญญาเห็นแจ้ง จน
กระทั่งครอบงำาทําลายบ่วงของมารได้มากยิ่งขึ้น ถึงธรรมกาย
โคตรภูก็เป็นโคตรภูบุคคล
พอถึงธรรมกายโคตรภูบุคคล ก็พ้นจากความเป็นมนุษย์
พ้นจากความเป็นทิพย์ พรหม อรูปพรหม ผู้รู้ท่านหยุดอย่างนี้
ไปเรื่อยๆ ไปตามลำาดับ กระทั่งชำระให้บริสุทธิ์ไปเรื่อยๆ ไม่ช้าก็
เข้าถึงความเป็นพระอริยบุคคล คือผู้เจริญแล้ว หลุดร่อนจาก
กิเลสอาสวะต่างๆ มีความเจริญเต็มที่ เป็นพระโสดาบัน พระ
สกทาคามี พระอนาคามี พอท่านหยุดอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งจิต