ข้อความต้นฉบับในหน้า
Bsu: sill
ที่พึ่งอันอมตะ
២៨៦
เมื่อพวกเทวดาแลดูยอดธงของท้าวสักกะ ผู้เป็นจอม
แห่งเทวดาก็ดี แลดูยอดธงของท้าวปชาบดี ท้าววรุณเทวราช
หรือท้าวอีสานเทวราชอยู่ก็ดี ความกลัว ความสะดุ้ง ความ
ขนพองสยองเกล้าที่มีอยู่ ก็หายไปได้บ้าง ไม่หายไปบ้าง ที่เป็น
เช่นนั้น เพราะว่าท้าวสักกะผู้เป็นจอมแห่งเทวดายังไม่ปราศจาก
ราคะไม่ปราศจากโทสะ ไม่ปราศจากโมหะ จึงยังเป็นผู้มีความกลัว
และความหวาดสะดุ้ง ดังนั้นบางครั้งทัพของเทวดาก็พ่ายแพ้
สงครามของชาวสวรรค์จึงมีผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะเรื่อยมา
เราจะเห็นว่า ที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงนั้น จะต้องหนักแน่น
มั่นคง เหมือนเกาะท่ามกลางทะเลลึก จะต้องทนต่อกระแสคลื่น
ลมให้ได้ ถ้าเกาะนั้นไม่มั่นคง ก็จะพังทลายไปกับสายนํ้าที่เชาะ
อยู่ทุกวัน เป็นที่พึ่งให้ก็ไม่ได้ ในโลกปัจจุบันนี้ก็เช่นกัน ไม่ว่าจะ
เป็นมนุษย์หรือเทวดา ถ้าตนเองไม่เข้าถึงที่พึ่งของตัวเสียก่อน
ก็ไม่สามารถจะเป็นที่พึ่งให้กับคนอื่นได้อย่างสมบูรณ์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสต่อไปอีกว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
หากความกลัวก็ดี ความสะดุ้งก็ดี ความขนพองสยองเกล้าก็ดี
พึงบังเกิดขึ้นแก่พวกเธอผู้บำเพ็ญเพียร อยู่ในป่าบ้าง อยู่ที่โคนไม้
บ้าง อยู่ในเรือนว่างบ้าง เมื่อนั้นพวกเธอจึงตามระลึกถึงเรา
เท่านั้น ภิกษุทั้งหลาย เพราะว่าเมื่อพวกเธอตามระลึกถึงเราอยู่