ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธัมม จัก กัป ป วัต ตน สูตร (๑)
๓๖๒
ทรงพิจารณาเห็นต่อไปว่าหมู่สัตว์ที่เป็นประเภทวิปจิตัญญู
คือฟังธรรมที่มีการขยายความเพียงไม่กี่ครั้ง ก็สามารถไตร่ตรอง
ตามธรรมที่พระองค์ทรงแสดง แล้วสามารถทําใจให้หยุดนิ่ง เข้า
ถึงธรรมตามพระองค์ได้ เหมือนดอกบัวที่ปริ่มน้ำ พร้อมที่จะโผล่
ขึ้นเบ่งบานในวันรุ่งขึ้น และยังมีหมู่สัตว์อีกมากมายผู้มีบุญ
วาสนามาก่อน ที่รอคอยฟังพระสัทธรรมจากพระองค์ เป็นประเภท
เนยยะ คือผู้ที่พระองค์พอจะแนะนำได้ ต้องฟังธรรมซ้ำแล้วซ้ำอีก
หากเข้าใกล้กัลยาณมิตร ต้องใช้เวลาสักหน่อยจึงจะสามารถ
ตรัสรู้ธรรมตามได้ เหมือนดอกบัวที่อยู่ในน้ำ ต้องใช้เวลาหลายวัน
จึงจะโผล่พ้นน้ำขึ้นมารับแสงตะวัน
ส่วนประเภทสุดท้าย คือ ปทปรมะ หมู่สัตว์ผู้มีกิเลสหนา
ปัญญาหยาบ ได้ยินได้ฟังธรรมมาน้อย ไม่ได้สั่งสมบุญบารมีเอาไว้
แม้จะได้พบพระอริยเจ้า ได้ฟังพระสัทธรรม แต่ก็ไม่มีปัญญา
พอที่จะไตร่ตรองตามธรรมที่ละเอียดลึกซึ้งได้ อย่างมากก็เป็น
เพียงอุปนิสัยปัจจัยติดตัวไปข้ามภพข้ามชาติเท่านั้น เหมือน
ดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำ อยู่ในเปือกตมไม่มีโอกาสเบ่งบานรับแสงอรุณ
ต้องกลายเป็นอาหารของปลาและเต่าไป
เมื่อพระองค์ทรงพิจารณาเห็นอย่างนั้นแล้ว ก็ตรวจดู
ต่อไปว่า ควรจะแสดงธรรมแก่ใครก่อน ทรงตรวจดูไปตลอด