ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมะเพื่อประชา
มาฟังธรรม กันเถิด
១៩៦
ดำเนินข้ามตัณหา อันซ่านไปในอารมณ์ต่างๆ ขอท่านจง
บรรเทาความเพลิดเพลิน และความยึดมั่นในสิ่งต่างๆ เหล่านั้น
จึงจะหลุดพ้นจากภพ ๓ ไปได้ ผู้มีธรรมเป็นเครื่องอยู่อย่างนี้
มีสติ ไม่ประมาท ได้รู้แจ้งแล้วเที่ยวไปอยู่ ละความถือมั่นว่าของ
เราได้แล้ว ย่อมสามารถหลุดพ้นจากทุกข์ คือ ชาติ ชรา โสกะ
และปริเทวะในอัตภาพนี้เสีย นรชนผู้มีปัญญาในศาสนานี้
สละธรรมเป็นเครื่องข้องในภพน้อย และภพใหญ่ได้แล้ว เป็น
ผู้ปราศจากตัณหา ไม่มีกิเลสทำให้เกิดความกังวล ไม่มีความ
หวังในโลกทั้งปวง เรากล่าวว่า ผู้นั้นข้ามชาติและชราได้แล้ว”
เพื่อนอีกคนหนึ่งชื่อกัปปมาณพได้ทูลถามปัญหาว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ขอพระองค์จงตรัสบอกธรรมอันเป็น
ที่พึ่งของชนทั้งหลาย ผู้ที่ถูกชราและมรณะครอบงำแล้ว ดุจ
ที่พึ่งของชนทั้งหลาย ผู้อยู่ในท่ามกลางมหาสมุทรด้วยเถิด
ขอพระองค์จงตรัสบอก ที่พึ่งแก่ข้าพระองค์โดยอุบายที่ทุกข์นี้
จะไม่พึงมีอีกเถิด”
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสพยากรณ์ว่า “ดูก่อนกัปปะ
ธรรมชาติไม่มีเครื่องกังวล ไม่มีความถือมั่นนี้เป็นที่พึ่ง หาใช่
อย่างอื่นไม่ เรากล่าวที่พึ่งอันเป็นที่สิ้นไปแห่งชราและมรณะว่า
นิพพาน ชนเหล่าใดรู้นิพพานนั้นแล้ว มีสติ มีธรรมอันเห็นแล้ว