ข้อความต้นฉบับในหน้า
Here's the extracted text from the image:
ประโยค(ค) - ปฐมสมันตปสกัทกนกเล่า กต - หน้าท 33
อธิสสีลิกา ในอธิการว่าด้วยอานาปะนาสติวิภาวนา นี้, สมบูรณ์ของเธอ
ผู้เป็นอย่างนั้น นี้ชื่อว่า อธิฏิสีลิกา, ปัญญาของเธอผู้นั้นเป็นอย่างนั้น
นี้ชื่อว่าอธิฏิสีลิกา, เธออ่ำสำเหนียก คือนอ้อมสังสม เวรมิ
กระทำให้มาก ซึ่งสิกขา 3 อย่าง ตั้งพรรรณามานี้ ด้วยสตินนี้ ด้วย
มโนสิกขานั้น ในอารมณ์ เพราะว่า โดยนัยก่อน บรรดาสงนี้
นั้น ภิกษีพึงหายใจเข้าและหายใจออกอย่างเดียวเท่านั้นไม่ต้องทำกิจ
อะไร ๆ อื่น, แต่ดำเนินแต่เวลาที่รู้ชัดหายใจเข้าและหายใจออกนี้
ไป ควรทำความพิษในอาการที่ให้ญาณเกิดขึ้นเป็นต้นซึ่งวางจึงเป็นดังนี้ ไป: เพราะ
ฉะนั้น ผู้ศึกษาพึงทราบว่า "ในนัยก่อน พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
บาลไว้ด้วยอำนาจเป็นวัตถคุณในวิจิตรว่า 'ย่อมรู้ชัดว่า เราหายใจเข้า,
ย่อมรู้ชัดว่า เราหายใจออก' เท่านั้น, แล้วก็พระบาลีนี้ด้วยอำนาจ
คำที่เป็นอนาคตกาลโดยนัยมีว่า 'เธออมสำเหนียกว่า 'เราก็รู้ว่า
แจ้ง ซึ่งกองลมทั้งปวงหายใจเข้า' ดังนี้ เพื่อจะทรงแสดงอาการที่
ให้ญาณเกิดขึ้นเป็นต้นซึ่งวางจึงเป็นดังนี้ไป
[ อภิฤกขณะฏรรมฐานแล้ว ฎีกาสูงจงสงบ ]
ข้อว่า ปฐมมย กายสงบ อธิสีลาสมิต 1 ป 1 ๆ ปลาส-สิลสมิติต สิกขิติ ความว่า เธออ่ำสำเหนียกว่า " เราก็เป็นผู้สง
คือ ระงับ ดัง ได้แก้ให้ภาวะที่หยาบสงบไป หายใจเข้าหายใจ
ออกร," ในคำว่า " จักเป็นผู้รับภาวะสงบที่หยาบ" นัน พิงทราบ
ความที่สมเป็นของหยาบและละเอียด และความระงับอย่างนี้ คือ:- ก็
ในกาลก่อนคือในเวลาที่กิฏฐุปนี ยังไม่ได้กำหนดกรรมฐาน กายและจิต