ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค (ค) - ปฐมสงฆ์ปฏิสัขะกานปลก - หน้า 39
ทั้งหลายย่อมเข้าสบ่าง ย่อมออกบ้าง กายคือความที่บุคคลจะรับกายสังขาร
หายใจเข้าและหายใจออกย่อมปรากฏ สติเป็นอนุสรญญาณ กายย่อม
ปรากฏ ไม่ใช่สัตว์ สติปรากฏด้วย เป็นตัวสัตว์ด้วย กิเลสย่อมพิจารณา
เห็นกายนันด้วยสตินัน ด้วยญาณนัน เพราะเหตุฉะนั้น นันทกล่าวว่า
"การเจริญสติปฏิฐานคือการพิจารณาเห็นกายในกาย" ดังนี้
ในบทว่า "ปลสุมย กายสงฆ์ร" นี้ มีภาระนามตาม
ลำดับบทแห่งปฐมฤกษ์ถูกกูตรั้ง ซึ่งตรัสไว้ด้วยสามารถแห่งกายยาบปลสาน
เพียงเท่านี้ก่อน แต่เพราะในอธิการนี้ จดูกูตรนี้เท่านั้น ตรัสไว้ด้วย
สามารถแห่งกรรมฐานของกูตรุรู่รึมิรู่มิรัง ทำ ส่วนอีก 3 กูตรกะนนี้
ตรัสไว้ด้วยสามารถแห่งเวทนานุปศาสนา จิตตานุปศาสนา และธัมมานุปศาสนา ของกูตรุร่อว่านปฐมฤกษ์นี้; จะน้น พุทธบุตร ผู้ปรารภนาจะเจริญกรรมฐานนี้ แล้วบรรลุพรอรหัศจพร้อมกับ
ปฏิสัขฏิภท ด้วยวิธีวาสนอนมิอานาปนสุตตามเป็นปฐฐาน ควรทราบ
กิจที่ตนควรทำก่อนทั้งหมด ตั้งแต่ต้น ในอธิกาแห่งอนาปนสุต
กรรมฐานนี้แล ด้วยสามารถแห่งกูตรุรู่รึมิรู่มิรัง.
[กูตรุรอัสเรนกรรมฐานต้องบำเพ็ญสิสให้รัสึก่อน]
กูตรุรควรชำระศีล ๔ อย่างให้หมดจดก่อน ในศีลนี้ มีวิธี
ชำระให้หมดจด ๓ อย่าง คือ ไม่ต้องอาบัติ ๑ ออกจากอาบัติที่ต้อง
แล้ว ๐ ไม่คร่ำครวญด้วยกิเลสทั้งหลาย ๑ จริงอยู่ ภวนายอ่อนสำเร็จ
แก่กูตรุรผู้มสิ่งล้วนงั้น. กูตรุรควรบำเพ็ญเมติสสิทที่ท่านเรียก
ว่าอิสมาจาริกศิล ให้บรรดีดีสสิทก่อน ด้วยอำนาจวัตรเหล่านี้ คือ