ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค (ค) - ปฐมสมันดาปสาหกิจใน กาล ๓ - หน้าที่ 99
ยอมเป็นทุกข์เหมือนกัน ก็ถ้าใครบุคคลนั้น เป็นผู้แพ้พิงถูกปลดจากชีวิต แน่นอนใช่รึ, เจตนาที่ยังอรรถให้สำเร็จ ยอมเป็นเช่นกับผลที่เกิดใน ลำดับแห่งมรรค เพราะฉะนั้น ภิกษุสงฆ์ จึงเป็นปราชญ์ในของ สิ่งที่เดียว, ถ้ามักภูมิอยู่มา บูตบุคคลนั้นได้ โดยล่วงไป ๖๐ ปีใช่รึ, และภิกษุผู้สงจะ ทำการกลิ่นยา หรือสึกเสียในระหว่างนั้น, จักเป็นผู้ไม่ ใช้สมะทำกลิ่นยาหรือสึกแก้. ถ้าผู้สั่งหมายเอามาบิด หรือ พระอรหันต์ สั่งอย่างนั้นในเวลาเป็นคฤหัสถ์แล้วจึงบอก, คบผู้รับสั่งมา บูตบุคคลนั้นได้ ในเมื่อผู้สั่งนั้นบวชแล้ว, ผู้สง่า ย่อมเป็นผู้มารดา มิดา ษ พระอรหันต์แต่ในเวลาเป็นคฤหัสถ์เดียว, เพราะเหตุนี้ นั่น บรรพชา อุปสมบทของเขา ย่อมไม่ขึ้นเลย, ถ้าบุคคลที่อึ้งถูกฆ่า ในเวลานั้นสั่งเป็นปฏุชนอยู่, แต่เป็นพระอรหันต์ในเวลา ที่ถูกรับสั่งมาอีกอย่างหนึ่ง, บุคคลที่จึงถูกมานั่น ได้กระมารกดรับรับแล้ว อาศัยศรัทธามีทุกข์เป็นมูล เจริญวิสาสนา บรรลุพระอรหันต์ แล้วทำ กกลิ่นยาไปเพราะอาพาธนั้นนั่นเอง, ผู้สั่ง ย่อมเป็นผู้มาพระอรหันต์ใน ขณะสั่งนั้นเอง, ส่วนผู้่ายอ่อนเป็นในขณะทำความพยายามในที่ ทั้งปวงก็เดียวกัน
ก็ในบรรดาว่าระทั้ง ๓ ที่พระอุบาสีเถระกล่าวไว้ เพื่อแสดงความ ถูกที่หมายและผิดที่หมาย ในบทมกิราที่สรรเสริญอานุทุดทั้งหมดนี้ นับนี้ พึงทราบวิจัยในบรมารก่อน, ภิกษุเป็นต้นเดิมพูดคำนั้น เบา ๆ หรือเพราะภิกษุผู้สั่งนั้นเป็นคนหุหนวก จึงประกาศให้ได้ยิน คำสั่งว่าง "เธอจงอย่าๆ, ไม่ได้; เพราะเหตุนี้ ภิกษุผู้นั้นจึงไม่ พัน. ในฤดูวาร พันได้ เพราะท่านประกาศให้ได้ยิน. ส่วนในดิวยวาร์