ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค(ค) - ปฐมสมันดาปสากเหภา ภาค ๓ - หน้า 87
อาบิต พึงทราบแม้หมวด ๔ ว่า ด้วยเรื่องแพ้. จริงอยู่ ภูษรูปใด
สำรวจดูแพ้ ซึ่งนอนอยู่ในที่แห่งหนึ่ง ด้วยคิดในใจว่า " เรากำมามัน
ในเวลานกลางคืน." และมรณาคหรือนิจของภูษนั้นหรือพระอรหันต์ห่ม
ผ้ากาละสีเหลือง แล้วนอนอยู่ในโอกาสที่แพ้ นอน. เธอมาเวลานกลาง
คืน ทำใจว่า " เราจะฆ่าแพ้ให้ตาย" ดังนี้ จึงฆ่ามามาราดับหรือ
พระอรหันต์ตาย เพราะมีเจตนาอยู่ว่า " เราจะฆ่าผู้ใดให้ตาย" เธอ
จึงเป็นผู้ฆ่าด้วย ถูกต้องขั้นริด ยกรรมด้วย ต้องปฏิบัติด้วย มีคน
อคันุณคะอื่นนอนอยู่ เธอทำใจว่า " เราจะฆ่าแพ้ให้ตาย" จึงฆ่ามาคนคนนั้นตาย, จัดเป็นมามากรด้วย ต้องปฏิกรรมด้วย. แต่
ไม่ถูกต้องขั้นริดยกรรม. มียักษ์หรือปรนอนอยู่. เธอนั้นทำใจว่า
" เราจะฆ่ามาราดับและพระอรหันต์เหล่านั้นนั่นแหละ" เธอจึงฆ่ามาราด
ท่านเหล่านั้นนั่นแหละ คนใดคนหนึ่งให้ตาย, ก็ผู้นั้น เป็นมารดร
ด้วย ถูกต้องขั้นริดยกรรมด้วย ต้องปฏิกรรมด้วย. เธอทำใจว่า
" เราจำมาราดับและพระอรหันต์เหล่านั้นนั่นแหละ คนใดคนหนึ่ง
ให้ตาย" แล้ว ก็มีอาคันคุณคนอื่นตาย หรือฆ่ามายักษ์ปรศรหรือแพ
ตาย. ผู้กอายพิงพาราบ ( อาบัติคือปราณี ฐุลลิจับและปาณิถิย์)
โดยนัยดังกล่าวแล้วในก่อนนั้นแหละ. แต่ในวิสัยแห่งการฆ่ามีอาคันคุณ
เป็นต้นนี้ เจตนาย่อมเป็นของทารุณ และ.