ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - ปฐมมสินุปาสักกาแปล ภาค ๑ หน้า ๑๙๓
อย่างใดอย่างหนึ่งในปาแน่แท้" ดังนี้ ก็ดิว่า " เราเข้าไปสู่ป่าชนไม่
บรรลูกเป็นพระรัหนันต์แล้ว จักไม่ออกมา" ดังนี้ ก็ดิว่า " ซือว่า
การอยู่ป่า พระผู้มีพระภาคเจ้ามรรคสรรเสริญ และเมื่อเราพึงอยู่ในป่า
เพื่อนพรหมจรริ มากหลาย จักจะทิ้งแดนบ้านแล้วอยู่ป่าเป็นวัตร" ดังนี้
ก็ดิว่า ภิกษุนั้น ควรอยู่ในป่า
ในเรื่องที่ ๓ มีวินิจฉัยดังนี้:- เป็นทุกกุฏทุกๆ ประโยค ดัง
ต้นแต่กิอรบง่ามนุ่มนวล ด้วยตั้งไว้ว่า " เรากล่าวอธิษฐาน มีภารก้าว
ไปเป็นต้น เทียว(binadนบทบาน") จักรทั้งถึงกาบอันเป็นที่สุด, เธอ
จะได้รับความยกย่องหรือไม่ก็ตาม เป็นทุกกุฏทั้งนั้น แต่ภิกษูผู้น่าไป
บินทบาท ด้วยอธิษฐานที่น่าอ่อนโยน มีภาริบ่ก้าวไปและถอยกลับเป็นต้น
เพื่อนำบัญชาวัดและเสวยวัตรให้บริบูรณ์ หรือเพื่อถึงความเป็น
ทิฎฐุจงค์ แก่เพื่อนพรหมจรริ ทั้งหลาย เป็นผู้อื่นวิญญบุญทั้งหลาย
ไม่พึงคิดเนือ่นแผ่
ในเรื่องที่ ๔ และที่ ๕ เพราะภิกษุมได้กล่าวว่า " เรา"
โดยนัยดังกล่าวไว้แล้วในคำนี้ว่า "- ภิกษุใด อยู่วิหารของท่าน" ถึง
ไม่เป็นปราชญ์, จริงอยู่ เมื่อภิกุออดอุดมสุธรรมเป็นที่น้อมเข้าา
ในตนเท่านั้น ท่านจึงปรับเป็นปราชญ์. คำเป็นต้นว่า " (ภิกุรูปได
รูปหนึ่ง) เดินจงกรมด้วยตั้งไว้ว่า ..." ดังนี้ มีนัยดังกล่าวแล้วใน
หนหลังนั่นแหละ
ในเรื่องละสังโยชน์ มีวินิจฉัยดังนี้:- เมื่ออีกฤกษ์กล่าวว่า " สังโยชน์
ทั้งหลาย เราละได้แล้ว" ก็ดี ว่า " สังโยชน์ทั้ง ๑๐ เราละได้แล้ว" ก็ดี ว่า " สังโยชน์ข้อหนึ่ง เราละได้แล้ว" ก็ดิ การละสังโยชน์นั้นแหละ