ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค (ค) - ปฐมสนั่นปลุกนักกินเปล ภาค ๓ - หน้า 82
แม้โดยประมาณแล้ว กิฆบูจะพึ่งเป็นปราชญ์ด้วยเหตุสู้กว่า ศาสตร์อันตนแลวงหมากแล้วเท่านั้น อันที่จริง ข้อนี้ผิดถูก แต่ใน พระบาลี ท่านพระอุปโสดเถระ ไม่อื้ออือเพื่อพิสูจน์จะแท้งว่าม เพื่อจะแสดง เฉพาะศัตราที่สงเคราะห์ในภาวะประโยค ในคำว่า " สุตตาตาริก" นี้เท่านั้น จึงกล่าวไว้ในบทบทว่าที่ว่า " อส วิว" ๆ เปฯ รุ่ง วิว ""
ดังนี้บรรดาเครื่องประหารเหล่านั้น เครื่องประหารที่มีชนิดใด ชนิดหนึ่ง ซึ่งบอกออกกว่ากล่าวแล้ว พึงทราบว่า "เป็นศัตรรุ" และ พึงทราบว่า สงเคราะห์ไม่ข้อง ก้อนหิน ยาพิษ และเชือกเข็นเป็นศัตรา ด้วย เพราะเป็นเครื่องผลาญชีวิตให้พินาศ
พึงทราบว่าบัญฉินในคำว่า " มรณวณณ วา " นี้ ต่อไปนี้:- กิฺฏุบแสดงโทษในความเป็นอยู โดยนัยคำว่า " จะมีประโยชน์อะไร" ด้วยความเป็นอยู่อันชลามเช่นนี้ ของท่านผูไม่ได้เพื่อโภคโภชนะ อันนี้ ดังนี้เป็นต้น แม้กล่าวสรรเสริญคุณแห่งความตาย โดยนัยมีคำว่า " อุบาสก ! ท่านเณร เป็นผู้ทำกรรมมาแล้ว ฯ ฯ ๆ บาปท่านไม่ได้ ทำเลย ความตายของท่านดีกว่าความเป็นอยู่ ท่านทำ ละจากอัตภาพนี้ แล้ว ฯ ฯ ๆ จึงตดบุตรให้เที่ยวไป คืออัตมารอับสรรแวดล้อม ถึงความสุข อยู่ในสวนนันทวัน" ดังนี้เป็นต้น ชื่อว่าพรรษาแห่งความตาย ที่เดียว. ฉะนั้น ท่านพระอุปโสดเถระจึงกล่าวว่าทุกขณะจะแยกออกเป็น ๒ ส่วนว่า " ซีฆนในความเป็นอยู่ ๑ สรรเสริญคุณในความตาย ๑ "
คำว่า มรณาย วา สมาทปโยฯ มีความว่า พิงแนะนำให้ลอย เอาทุบาย เพื่อประโยชน์แก่ความตาย ส่วนคำว่า " ท่านจงตกบ่อ ตาย หรือวางตกหวาย " เป็นต้น แม้ที่พระอุปโสดเถระยังได้กล่าวไว้ในคำมี