ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - ปฐมสมันดาปสากมนแปล ภาค ๑ หน้า 109
ฉะนั้น จึงเป็นฤดูจิ้ง."
พระปุสสเทวะ กล่าวว่ "รูปที่ถ่ายเป็นประมาณ ; เพราะ-
ฉะนั้น จึงเป็นบาติิติ." แม้นสัตว์ก็ตไปยังสัตว์จำนาน แล้ว
ตายด้วยรูปยักษ์และรูปเปรต กันยืนเหมือนกัน ภิกษุผู้ชุดหลุมพราง
ขายหรือให้เปล่าซึ่งหลุมพรางแก่ภิกษุอื่น ภิกษุนั้นเองยังต้องอาบัติ และ
มีข้อผูกพันทางกรรม เพราะมีผู้ตายเป็นโจษ ผู้ที่ได้หลุมพรางไป
ไม่มีโทษนะ. ภิกษุได้ไปแล้วคิดว่า " หลุมอย่างนี้ สัตว์เกิดไปยังอาจ
ขึ้นได้ จักไม่พินาศ จักร่งตัวขึ้นได้ง่าย" จึงหมายหลุมพรางนั้นให้ลัก
ลงไป หรือให้ขึ้นนั้น ให้ยายออกไป หรือให้สันเข้า ในว่างออกไป
หรือให้แกะเข้า, ต้องอาบัติ และมีข้อผูกพันทางกรรมด้วยกันแม้ทั้ง
๒ รูป เมื่อเกิดวิกฤตวารขึ้นว่า "คนสัตว์จะตายกันมาก" จึงกล่อหลุม-
พรางให้เต็มด้วยดิน. ถ้าสัตว์ไว้ ๆ ยังกินไปในดินเลยได้, แม้กลบให้
เต็มแล้ว ก็ไม่พินาศ. เมื่อฝนตกมีโคลน, แม้เมื่อสัตว์ไว้ ๆ ติดตามใน
โคลนนันั้น, ต้นไม้มิ้มดีด ลมพัดดีด น้ำฝนดีดดีด พัดพาดไป หรือ
พวกขุดแผ่นดินเพื่อเหง้ามัน จุดเป็นหลุมบ่อไว้ในที่นั้น, ถ้าสัตว์ไร ๆ ติด
หรือดไปตายในหลุมนั้น ภิกษุผู้ฝันตนก็ยังไม่พ้น. แต่อในโอกาสนั้น
ภิกษุให้ทำบึงหรือสะบัวใหญ๋ให้ประดิษฐานเจดีย์ ปลูกต้นโพธิ์หรือให้
สร้างวัด หรือให้ทำทางเกวียนแล้วจึงพ้นไป แต่ในกลาดใด ต้นไม้
เป็นต้น ในหลุมพรางอันกุดกถาเติมทำให้แน่นแล้ว ราคาอรุกเกี่ยวพัน
กัน, เกิดตามรูป, แมในกลาดนี้ก็พ้นได้. ถ้ามั่นแม้หาหลามลาม
ล้างหลุมพรางเสีย. แม่อย่างนั้น จึงพ้นได้เลย.
ถาว่าด้วยหลุมพรางเท่านี้ก่อน