ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค (3) - ปฐมมันปปาสากกามเทพ ภาค ๑ หน้า 132
[ ภิกษุ ไม่ควรทำยกย่องอื่น แต่ควรทำให้สรรเสริญทั้ง ๕ ]
เพราะฉะนั้น ภิกษุ ไม่ควรทำยกย่องยกย่ำกันแล้ว ๆ เมื่อทำ ต้องทุกข์ แต่ควรทำให้เกิดสรรเสริญทั้ง ๕ คือ ภิกษุ ภิกษุณี สิกขามานา สามเณร สามเณรี จริงอยู่ สรรเสริญทั้ง ๕ เหล่านี้เป็นผู้มีศีล ศรัทธา และปัญญาเสมอกัน ทั้งประกอบในไตรสิกขาด้วย ภิกษุจะไม่ทำลักให้ ย่อมไม่ได้ และเมื่อจะทำ ถ้าสิ่งของของสรรเสริญเหล่านั้นมีอยู่ พึงถือเอาสิ่งของของสรรเสริญเหล่านั้น ณ ปัจจุบัน ควรเอาของของตนทำให้ ถ้ามีของของตนไม่มี พึงแสดงความดีจากวัตร หรือ จากที่แห่งกิเลสและคนปราบา (ของตน) เมื่อไม่ได้ ควรนำสิ่งของ มาทำให้ แม้ด้วยการไม่ทำบุญกุศล (คือขอในที่เขาไม่ได้ทำไว้ปวดวรณา ไว้) เพื่อประโยชน์แก่คนใน ควรทำให้ก่อน ๕ สำคัญ แม้คนอื่นก็ คือ มารดา บิดา คนบำรุงมารดาบิดานั้น ๆ ไว้วางครองของตน คนเป็นทุปสล ๓ คนที่ชื่อว่าปทุปสล ได้แล้ว คนผีพร่ามบรรพชาร ยังอยู่ในวิหารตลอดเวลาที่ยังตระเตรียมมัณฑะเรจบรรดามีจำพวกเหล่านั้น ถ้ามารดาและบิดาเป็นใหญ่ ไม่หวังตอบแทนไซร้ จะไม่ทำให้ คีวร. เมื่อท่านทั้ง ๒ ห้ามสงส์ ควรให้ลูกส=a
แทนอยู่, จะไม่ทำ ไม่ควร. เมื่อท่านทั้ง ๒ ห้ามสำสัจ ควรให้ลูกส=a
เมื่อท่านทั้ง ๒ ไม่รู้วิธีประกอบยา ควรประกอบยาให้. ควรแสดงหาเหล้าช เพื่อประโยชน์แก่คน ๕ จำพวก มารดาเป็นต้นแม้ทั้งหมด โดยนัยดังที่ กล่าวแล้วในสหธรรมิกานั้นแล. ก็อภิกษุเนำราคปรนังอิติอยู่ในวหาร, อย่าถูกต้อง พึงบริกรรมทุกอย่าง. พิงให้ของเตียวของบริโภคด้วยมือดตน เอง. ส่วนบิดาพึ่งบำรุงทำกิจทั้งหลายมีการให้อาบน้ำและการนวดเป็นต้น