ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - ปฐมมันุปสากทาแปล ภาค ๑ - หน้าที่ 165
ความหลับนอนเป็นต้น แต่มิใช่เกิดขึ้นแก่ท่านผู้เริ่มเจริญวิปัสสนา มีศีลบริสุทธิ์ดี ไม่ประมาทในธรรมฐาน ข้ามพันความสงสัยแล้ว เพราะกำหนดนามรูป จับไปอัดไว้ได้ ยกใครลักษณ์ขึ้นพิจารณาสังเวชทั้งหลายอยู่ และความสำคัญว่าได้บรรลุขึ้นแล้ว ย่อมพักบุคคลผู้อื่นละล้วน ๆ หรือผู้ได้รับวิปัสสนาล้วน ๆ เสียไนกลางคัน จริงอยู่ บุคคลนั้น เมื่อไม่เห็นความฟุ้งขึ้นแง่ความในแห่งกิเลสตลอด ๑๐ ปีบ้าง ๒๐ ปีบ้าง ๓๐ ปีบ้าง ย่อมเข้าใจว่า "เราเป็นพระโสดาบัน" หรือว่า "เราเป็นพระสกทาคามี" หรือว่า "เราเป็นพระอนาคามี" ก็ความสำคัญว่าได้บรรลุนั้น ย่อมตั้งบุคคลผู้นั้นสมะและวิปัสสนาไว้ในพระอรหัตผลที่เดียว จริงอยู่ บุคคลนั้นมีโมภะโลภะทั้งหลายได้ด้วยกำลังสมาธิ กำหนดสังวรทั้งหลายได้ดีด้วยกำลังวิปัสสนา เพราะฉะนั้น ก็เลยกล่าวลงไม่ฟุ้งขึ้น ตลอด ๕๐ ปีบ้าง ๘๐ ปีบ้าง ๑๐๐ ปีบ้าง ความเกี่ยวไปแห่งจิตเป็นเหมือนของพระนิลาสพะนั้น บุคคลนั้น เมื่อไม่เห็นความฟุ้งขึ้นแห่งกิเลสตลอดคราตรานา ด้วยอาการอย่างนั้น ไม่หยุดในกลางคันเลย จึงกล่าวว่า "เราเป็นพระอรหันต์" อย่างนี้แล
บทว่า อนิติชาน ได้แก่ ไม่รู้แน่พะ ก็เพราะดีกูที่กูลี้ ไม่รู้จริง กล่าวอวดอยู่ อุตรินมุสธรรมนัน ไม่เกิดขึ้นในสันคานของเธอ ทั้งเธอก็มีได้ทำให้แจ้งด้วยญาณ จึงชื่อว่าไม่มีจริง เพราะฉะนั้น ในวาระแตกบทแห่งว่า "อนิติชาน" นั้น ท่านพระอุปกิจกล่าวว่า "(อุตรินมุสธรรม) ไม่มีจริง ไม่เป็นจริง ทำไมได้" แล้วจึงกล่าวว่า "(ภิกษุ) ไม่รู้อยู่ ไม่เห็นอยู่ ดังนี้
บทว่า อุดริกรมนุสสมุข แปลว่า ธรรมของมนุษย์ผู้เอ๋ย