ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค- ปฐมวันนี้พาสักกะเทวะ ภาค ๓ - หน้าที่ 55
มีมุ้งสั่นผ่านไป เพราะฉะนั้น เธอนั้น จึงควรตั้งมิตรไว้ว่า "ลม
หายใจเข้าและหายใจออก ย่อมกระทบฐานชื่อนี้" ความจริง พระผู้มี-
พระภาคเจ้า ทรงอส้ำนานอประโยชน์นี้แล้ว จึงตรัสว่า "คู่นอ
ภิกษุทั้งหลาย เราไม่กล่าวการเจริญอาบนําสังสะกัสสะ" แก่ภิกษุลิ้มลิมลิ
ไม่รู้สึกตัวอยู่.."
จริงอยู่ กรรมฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง ย่อมสำเร็จแก่ผู้มีสติ มี
ความรู้เท่านั้น แม้ก็จริง ถึงกระนั้น กรรมฐานอย่างอื่น นอกจาก
อานาปนสติกรรมฐานนี้ ย่อมปราบฤๅได้แก่ผู้ที่มีสติการอยู่ แต่
อานาปนสติกรรมฐานนี้เป็นภาระหนัก เจริญสำเร็จได้ยาก ทั้งเป็น
ภูมิแห่งมนสิการ ของมรรคบุรษทั้งหลาย คือ พระพุทธเจ้า พระปัจเจก-
พุทธเจ้าและพุทธดรท่านนั้น ไม่ใช่เป็นกรรมฐานต่ำด้วย ทั้งนี้ได้
เป็นกรรมฐานที่ สง่านตัวผู้ด้อวัลเสส เป็นกรรมฐานลงและละเอียด
โดยประกายทีมงานบุรุษทั้งหลายย่อมทำไว้ในใจ เพราะฉะนั้น ในอานา-
ปนสติกรรมฐานนี้ จำต้องปราบปราณสติและปัญญาอันมีกำลัง เหมือน
อย่างว่า ในเวลาชุมนัสอดแน่นอึดอัด แม้ก็มีจำต้องปราบนออย่าง
เล็ก แม้ดาวษร้อยในวงอึดอัด ก็จำต้องปราบนลิศละเอียดยิ่งกว่า
ฉันใด, ในเวลาเจริญกรรมฐานนี้ ซึ่งเป็นเช่นกับผัสสก์เนื้อก็อึดอัด
ก็ฉันนั้นเหมือนกัน สติส่วนเปรียบด้วยเข็มก็ดี ปัญญาก็สมุปุ๋ด้วย
สติ there มีส่วนเปรียบด้วยค่ายร้อยวงเข็มก็ดี จำต้องปราบนาถให้กำลัง.
ก็แล้ว ก็ภิกษุผู้ประกอบด้วยสติและปัญญานั้นแล้ว ไม่จำต้องแสวงหา
ลมหายใจเข้าและหายใจออกนั่น นอกจากโอกาสที่สมฤดูต้องโดยปกติ.