ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค(๑) - ปฐมมัณฑปสถากกภาค ๑ หน้าที่ 181
นั่นเทียว. ลำคันนั้น ทรงตอบอันหนึ่ง ๆ กับด้วยมาต มิติตาม
เป็นต้น อย่างเดียวกับตำหนิหนึ่ง ๆ กับตุ้มมาตา แล้วทรงนำเชื่อม
กับมาตามมีฤๅลูกมาเป็นตัน ตรัสพิจารณา ๒๕ แม่นั่น โดยอรรถอัน
พิสดารนั้นเทียว ให้สำเร็จเป็นเอกลูกนัยแล้ว.
อันนี้ ปฐะ พระองค์ก็ทรงแสดงไว้โดยสังเขป. ปฐะนั้น อัน
นักศึกษาผู้ไม่หลงงมงาย ควรทราบโดยพิสดาร แม้ทุมลูกนั้นเป็นต้น
พระองค์ก็ตรัสเหมือนเอกุลกันแล้วได้รัสณัง ๔๕๕ ซึ่งมีมูล
ทุกอย่างเป็นที่สุด. คืออย่างไร? คือ ตราสมูลกุลไว้ ๒๔ ตรัส
ดุมลูกนัยไว้ ๒๘ ตราสตุลูกนัยไว้ ๒๙. แม้ปัญลลูกนัยเป็นต้น
ผู้ศึกษาก็ควรลอดอย่างระน่ำ แล้วทราบจนกระทั่งถึงดีสมลูกนัย
อย่างนี้. แต่ในปฐะ ท่าน่อมแม้ชื่อของนัยเหล่านี้นับเข้าแล้ว แสดงเฉพาะ
ดิตงสมลูกอันเดียวว่า "นี่เป็นสมูลทั้งหมด." ก็เพราะกิษฏอไม่ตอบ
สุญญาคารเข้ากับบาน, (อาบัติ) จึงไม่ถึงที่สุด, เหตุนี้ การประกอบ
ความในบททั้งปวง มีมากว่าเปลืองจิตตาโมหะเป็นที่สุด. พึงทราบ
ว่า ท่านแสดงแล้ว เพราะไม่ะแดะต้องบุกสมญาคารนั้น, ก็เลย ในสุกิ-
มาราวตอนหนึ่งที่ท่านพระอุบาลึกกล่าวไว้ ด้วยอำนาจการแสดงเนื้อความ
นึว่า "เมื่อภิกขุต่อก็ดี ไม่ต่อก็ดี งั้นปฐมานาเป็นต้น กับตุ้มมาตา
เป็นต้น ตามลำดับก็ดี ผิดลำดับก็ดี อวดอยู่ โดยนัยว่า "เราเข้าแล้ว.
เป็นต้น อย่างนี้ ความพึ่งอ่อนไม่มี ย่อมต้องปราชญ์ทีเดียว."
นี่เป็นการพรานาเนื้อความโดยสังคป.
บทว่า ติโกนารถี คือ ด้วยเหตุ ๑ อย่าง อันเป็นองค์แห่ง
สัมปชัญญาสาวก.