ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค- ปฐมมัญชาปสาวาคนาแปล ภาค 1 หน้าที่ 183
เท็จ '' แต่เมื่อกล่าวย่อมรู้ว่า '' เรากล่าวเท็จ,'' แต่เมื่อกล่าวแล้วก็รู้
อยู่ว่า '' เรากล่าวเท็จ'' ภูมิ่นั้น พระวินัยธรไม่พึงปราบบัณฑิต.
เพราะสำเนียงต้นสำคัญกว่าม, เมื่อสำเนียงนั้นไม่มี ย่อมเป็นอันพูดเล่น
หรือพูดพลังไม่ได้ ดังนี้แล.
ก็แล ในคำว่า มุตา ภูมิสุขเป็นต้นนี้ ควรจะความมีความรู้
อันนั้นและความประชุมพร้อมแห่งความรู้เสีิษ.
ข้อว่า '' การละความมีความรู้ชั้นนั้นเสีิษ'' ได้แก่ พึงละความมี
ความรู้ชั้นนั้นว่าว '' ย่อมรู้ได้ใน ๑ ชนะแดวยจิตดวงเดียวเท่านืนอย่างนี้'
ว่า ภิกษุรู้อยู่ว่า '' เรากล่าวเท็จ'' ดั่งนี้ ด้วยจิตดวงใจ ย่อมรู้ว่า
' เรากำลังกล่าวเท็จ' และว่า ' เรากล่าวเท็จแล้ว ' ด้วยจิตดวง
นัน่นแล.'' จริงอยู่ ใคร ๆ ไม่อาจจะรู้จิตดวงนั้นแน่นอนได้
เหมือนบุคคลไม่อาจเอาดาบเล่นมันดดดดดนั่นเองได้ จะนั่นแล.
ก็คิตดวงที่เกิดขึ้นก่อน ๆ เป็นปัจจัยแห่งความเกิดขึ้นอย่างนั้น ของจิต
ดวงหลัง ๆ แล้วอ้อมดั่งไป. ด้วยเหตุนี้นั่น บันติจึงกล่าวคำนี้ว่า
'' ส่วน Ensure กับส่วนอื่น ๆ เป็นประมาณ เมื่อส่วน
เมื่อดังนั้นมีอยู่ คำว่า ' ส่วนที่เหลือ จักไม่'
ดังนี้แล ย่อมไม่มี; เพราะฉะนั้น วาดา จึงชื่อวิม
องค์ ๓. ''
ข้อว่า '' การละความประชุมพร้อมแห่งความรู้'' กล่าวว่า จิต
๓ ดวงเหล่านี้ ไม่ควรถือว่า '' เกิดขึ้นนะเดี่ยวกัน.'' จริงอยู่
ธรรมดาจิตนี้