ข้อความต้นฉบับในหน้า
“ไม่ถืออนุพยัญชนะ” คือ ไม่ถือลักษณะเล็กๆ น้อยๆ ของนิมิตนั้น เช่น ลักษณะของมือ เท้า หน้าตา
การพูด การหัวเราะ หรืออากัปกิริยาอื่นๆ ซึ่งจะก่อให้เกิดกิเลสขึ้น ดังนั้นการไม่ถืออนุพยัญชนะ ก็คือ เมื่อ
ได้เห็นองค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้น ก็ยังหยุดใจตัวเองให้อยู่ในอาการสักแต่ว่าเห็น ไม่เก็บเอาไปนึกคิด
ปรุงแต่งต่อไป เพราะจะทำให้กิเลสเฟื่องฟูขึ้นในใจได้
“สำรวมจักขุนทรีย์” แปลว่า “สำรวมตา” แต่ไม่ได้หมายความว่าให้ปิดตาไม่ต้องดูอะไร เพราะ
เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก แต่หมายถึงว่า ขณะที่เห็นรูป เช่น คน สัตว์ หรือสิ่งของก็ตาม ก็ให้สำรวมใจ ทำ
เพียงสักแต่ว่าเห็น คุ้มครองความคิดตนเองให้เว้นจากการถือเอานิมิตและอนุพยัญชนะว่า สิ่งนี้ คนนี้ สวย
หรือไม่สวย หรือสวยน้อย สวยมาก แต่ถ้าสำรวมไม่ได้ คือหยุดความคิดไม่ได้ ใจก็จะเศร้าหมองตามมา ดังที่
พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า อกุศลกรรมอันลามก คือ อภิชฌาและโทมนัส จะเข้าครอบงำได้
ของตัวเอง
“อภิชฌา” แปลว่า โลภอยากได้ของเขา หรือความคิดเพ่งเล็งจ้องจะเอาของของคนอื่นมาเป็น
“โทมนัส” แปลว่า ความเสียใจ ความทุกข์ใจ
เพราะความโลภอยากได้ของของคนอื่นนั้นจะนำไปสู่ความทุกข์ กล่าวคือ หากแสวงหาสิ่งที่อยาก
ได้มาแบบทุศีล มีอาชีพไม่บริสุทธิ์ ของนั้นก็ไม่บริสุทธิ์ แม้จะรู้สึกเป็นสุข ก็เป็นความสุขหลอกๆ สุขอย่างระแวง
สุขเพียงแค่ในเวลาสั้นๆ แต่จะมีความเดือดร้อนใจ เดือดร้อนกายอีกยาวนาน หรือแม้หากได้สิ่งนั้นมาด้วย
สัมมาอาชีวะ ก็ย่อมเกิดความหวงแหน ความกังวลใจ ไม่อยากให้ใครมาแย่งชิงไป แต่ถ้าหาไม่ได้ ก็จะรู้สึก
ผิดหวัง เกิดความทุกข์ใจ ดังนั้นไม่ว่าจะอย่างไร หากมีความอยากได้แล้ว ย่อมมีความทุกข์ใจรูปแบบใดแบบหนึ่ง
ตามมา พระพุทธองค์จึงตรัสว่า อภิชฌาและโทมนัส เป็นอกุศลกรรมอันลามก
สำหรับอินทรีย์อื่นที่เหลืออีก 5 อย่างก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่สำรวมระวังให้ดีก็จะมีผลเป็นความทุกข์
เหมือนกันทั้งหมด โดยเฉพาะเป็นความทุกข์ที่เกิดขึ้นในใจ จึงอาจกล่าวได้ว่า การสำรวมอินทรีย์ทั้งหลาย
แท้จริงก็คือ การสำรวมใจ เพราะหากสำรวมใจไม่ได้ ย่อมเปิดโอกาสให้อภิชฌาและโทมนัสเข้าครอบงำ
ทำให้ต้องเสวยทุกขเวทนา เพราะพฤติกรรมที่ทุศีลของตน หรือเพราะความคิดฟุ้งซ่าน คิดแสวงหาในสิ่งที่
ปรารถนาไว้ มีใจที่ซัดส่ายอยู่เรื่อยไป ดังที่พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ได้แสดง
พระธรรมเทศนาไว้ว่า
“ถ้าขาดความสำรวมก็เป็นโทษ ใจก็เป็นโทษ เป็นโทษเป็นอย่างไร?
อภิชฌาเขาก็บังคับใจ เดี๋ยวก็ดีใจ เสียใจ ถ้าหากว่าญาติพี่น้องวงศา
ลูกตายหรือเมียตายก็จะต้องร้องไห้โร่ไปเท่านั้นแหละ อภิชฌา โทมนัส
บังคับเสียแล้ว”
พระธรรมเทศนาพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร), เรื่อง “สังวรคาถา”, 30 กรกฎาคม 2497, หน้า 486
บทที่ 2 คณกโมคคัลลานสูตร DOU 31