ข้อความต้นฉบับในหน้า
5. คติ ชื่อว่าไม่มีนิมิต เพราะกำหนดแน่ไม่ได้ ว่าตายแล้วจะไปเกิด ณ ที่ใด
7.4.3 ควรใช้เวลาที่มีเพื่อทำความดีให้มากที่สุด
เพราะเหตุที่ความตายไม่มีนิมิตหมายนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงสอนให้พระภิกษุใช้เวลาที่มีใน
แต่ละคืนละวันให้ได้รับประโยชน์สูงสุด ดังที่ตรัสไว้ใน “ภัทเทกรัตตสูตร” ว่า
“บุคคลไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว ไม่ควรมุ่งหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึง สิ่งใด
ล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นก็เป็นอันละไปแล้ว และสิ่งที่ยังไม่มาถึงก็เป็นอันยังไม่ถึง
ก็บุคคลใดเห็นแจ้งธรรมปัจจุบัน ไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลนในธรรมนั้นๆ ได้
บุคคลนั้นพึงเจริญธรรมนั้นเนืองๆ ให้ปรุโปร่งเถิด พึงทำความเพียรเสีย
ในวันนี้แหละ ใครเล่าจะรู้ความตายในวันพรุ่ง เพราะว่าความผิดเพี้ยนกับ
มัจจุราชผู้มีเสนาใหญ่นั้น ย่อมไม่มีแก่เราทั้งหลาย พระมุนีผู้สงบย่อมเรียก
บุคคลผู้มีปกติอยู่อย่างนี้มีความเพียรไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันและกลางคืน
นั้นแลว่า ผู้มีราตรีหนึ่งเจริญ”
ด้วยทั้งเวลาของชีวิตที่มีอยู่เพียงน้อยนิด กอปรกับเราเองไม่ทราบว่าชีวิตเราจะยืนยาวพียงไหน
จะตายลงในวันใด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงสอนพระภิกษุไม่ให้ประมาทในวันเวลา แต่ให้เร่งรีบทำความ
เพียรเพื่อการบรรลุธรรม เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญจึงไม่ได้ขึ้นกับว่าเราจะมีชีวิตอยู่ยาวนานเท่าไร แต่ขึ้นกับว่าเรา
เองได้ใช้วันเวลาที่มีจำกัดนั้นไปกระทำสิ่งที่มีคุณค่า เป็นคุณงามความดี และเป็นประโยชน์กับชีวิตของตนเอง
มากน้อยเพียงไรมากกว่า และเพราะเหตุนั้น พระภิกษุจึงต้องรู้จักการบริหารเวลา ตามที่พระองค์ตรัสสอน
ไว้ในหมวดธรรมที่ชื่อว่า “กาลัญญู”
7.5 กาลทั้ง 4 กับการฝึกอบรมของพระภิกษุ
ในหมวดธรรมที่ชื่อว่ากาลัญญพระพุทธองค์ตรัสแนะนำพระภิกษุที่ฝึกตนเองจนเป็นผู้รู้จักประมาณใน
การรับปัจจัย 4 ได้แล้วว่า ให้เป็นผู้รู้จักกาลทั้ง 4 ต่อไป นั่นย่อมแสดงว่า หากพระภิกษุยังไม่สามารถจะ
ประมาณในการรับปัจจัย 4 ได้ ก็ย่อมไม่อาจจะบริหารเวลาให้เกิดประโยชน์กับตนเองได้สูงสุด
ภัทเทกรัตตสูตร, มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์, มก. เล่ม 23 ข้อ 526 หน้า 210
บทที่ 7 ขั้ น ต อ น ที่ 5 กาลัญญ DOU 151