ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอย่างดี (ธัมมัญญู) มีความเข้าใจในนัยที่พระองค์หมายถึง และน้อมนำมา
ประพฤติปฏิบัติอย่างจริงจัง (อัตถัญญู) ทั้งยังสามารถประเมินคุณธรรมที่เกิดจากการฝึกนั้นได้ (อัตตัญญู)
และเข้มงวดกวดขันในการรับปัจจัย 4 ซึ่งทำให้นิสัยดีๆ เกิดขึ้นมา ความเจริญก้าวหน้าก็ยิ่งมีมากขึ้น (มัตตัญญู)
และตอกย้ำด้วยการบริหารเวลา คือการนำเวลาไปใช้ศึกษาทั้งปริยัติและปฏิบัติให้เข้มข้นขึ้น (กาลัญญู)
เมื่อทำได้อย่างนี้ กาย วาจา ใจ ของท่านก็ยิ่งมีความบริสุทธิ์บริบูรณ์ คุณธรรมความดีงามมีแต่จะก้าวหน้า
คุณวิเศษและความหลุดพ้นจากอาสวะกิเลสย่อมเกิดขึ้นแก่พระภิกษุนั้นสักวันหนึ่งอย่างแน่นอน เพราะเหตุนั้น
พระภิกษุจึงได้ชื่อว่าทำตัวของท่านให้เป็นที่พึ่งให้กับตนเองได้อย่างสมบูรณ์
7.8 บทสรุปของการเป็นกาลัญญู
จากรายละเอียดที่ได้ศึกษามา พอจะสรุปในเบื้องต้นได้ว่า พระภิกษุผู้จะเป็นกาลัญญูได้ จะต้อง
1. เห็นคุณค่าของเวลา สามารถบริหารเวลาที่มี ให้เกิดประโยชน์กับตนเองได้สูงสุด
2. สามารถจัดสรรเวลาตามลำดับความสำคัญ โดยต้องแบ่งเพื่อทำงานสำคัญที่สุดของชีวิตก่อน 4
ประการ คือ การเรียน การสอบถาม การนั่งสมาธิทำความเพียร และการหลีกออกเร้น เพื่อปฏิบัติธรรมให้
ต่อเนื่อง
เมื่อพระภิกษุฝึกได้อย่างนี้แล้ว พระองค์จึงจะทรงรับรองว่า
“ภิกษุเป็นธัมมัญญู อัตถัญญู อัตตัญญู มัตตัญญู กาลัญญู ด้วยประการฉะนี้
7.9 กาลัญญูกับวิถีชีวิตของฆราวาส
สำหรับฆราวาสผู้ครองเรือน ก็ควรนำหลักการจากกาลัญญมาใช้ในชีวิตประจำวัน โดยหลักการ
บริหารเวลาในเบื้องต้นก็คงคล้ายๆ กับของพระภิกษุเช่นกัน คือเริ่มจากการมองเห็นคุณค่าของเวลาที่มีว่า
สำคัญ และต้องใช้ให้เกิดประโยชน์กับตนเองให้ได้มากที่สุด
เมื่อมีแนวคิดอย่างนั้น จะทำให้เวลาที่มีอยู่ถูกใช้ไปกับเรื่องที่สำคัญที่สุดก่อนเสมอ เช่นเดียวกับหลัก
การบริหารเวลาในทางโลก ที่มักจะใช้วิธีแบ่งภารกิจการงานที่ต้องทำออกเป็น 4 รูปแบบ คือ
1. ภารกิจที่สำคัญ และต้องทำเร่งด่วน เช่น ภารกิจฉุกเฉินทั้งหลาย หรืองานเฉพาะหน้าสำคัญที่
จําเป็นต้องรีบทําอย่างเร่งด่วน เป็นต้น
162 DOU แม่บทการฝึกอบรมในพระพุทธศาสนา