การฟังธรรมะและการประพฤติตนตามธรรม SB 303 แม่บทการฝึกอบรมในพระพุทธศาสนา หน้า 206
หน้าที่ 206 / 252

สรุปเนื้อหา

การฟังธรรมะแบ่งเป็นสองส่วนคือการตั้งใจจำและไม่ตั้งใจจำ ซึ่งการจำทำให้มีพื้นฐานความรู้เพื่อประโยชน์ในชีวิต โดยการพิจารณาธรรมะที่จำได้จะสร้างความเข้าใจและปัญญา จากนั้นการปฏิบัติจะเกิดประโยชน์สูงสุดก็ต่อเมื่อได้นำไปใช้ในชีวิตจริง การปฏิบัติอาจคำนึงถึงทั้งตนเองและผู้อื่นซึ่งมีความสำคัญในฐานะกัลยาณมิตร นอกจากนี้การดูคนเป็นยังช่วยในการแนะนำธรรมะอย่างเหมาะสมเพื่อให้เข้าใจคำแนะนำได้ดีขึ้น

หัวข้อประเด็น

-การแบ่งประเภทการฟังธรรม
-ความสำคัญของการจำธรรม
-การพิจารณาธรรมะ
-การปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน
-การเป็นกัลยาณมิตร

ข้อความต้นฉบับในหน้า

(4) บรรดาผู้ตั้งใจฟังธรรมะ ยังแบ่งได้อีก 2 ส่วน คือ ตั้งใจจำและไม่ตั้งใจจำ ธรรมะที่ฟังจะเกิด ประโยชน์อย่างยิ่งกับตัวเอง หากจำธรรมะนั้นได้ เช่น รู้ว่าอบายมุขเป็นต้นทางแห่งความเสื่อม เป็นเหตุแห่งการ สูญเสียทรัพย์ แต่จำไม่ได้ว่า มีกี่อย่างประกอบด้วยอะไรบ้าง ธรรมะที่ตั้งใจฟังแต่ไม่ตั้งใจจำจึงไม่เกิดประโยชน์ มากนัก จึงกล่าวได้ว่า บุคคลผู้ตั้งใจจำธรรมะจึงมีพื้นฐานความรู้มากกว่าผู้ไม่ตั้งใจจำธรรมะ (5) บรรดาผู้ตั้งใจจดจำธรรมะนั้น แบ่งออกได้อีก 2 ส่วน คือ นำมาพิจารณาและไม่นำมา พิจารณาใคร่ครวญ ธรรมะที่ทรงจำเมื่อได้นำมาใคร่ครวญ พิจารณาตรองหาเหตุผล ย่อมเกิดความเข้าใจ และเห็นคุณค่าของธรรมะนั้นๆ การใคร่ครวญธรรมะนี้จึงถือเป็นการพัฒนาความรู้และปัญญา ทำให้กลาย เป็นผู้แตกฉาน และมีพื้นฐานความรู้มากขึ้นกว่าผู้ที่ทรงจำแต่ไม่นำมาพิจารณา (6) บรรดาผู้พิจารณาธรรมะ แบ่งออกได้อีก 2 ส่วน คือ นำมาปฏิบัติและไม่นำมาปฏิบัติ ความรู้ ทางธรรมะที่ได้นำมาใคร่ครวญแล้ว จะเกิดเป็นประโยชน์ได้ก็ต่อเมื่อนำมาใช้ปฏิบัติในชีวิตประจำวันของตัว เอง ส่วนผลจากการปฏิบัติจะเกิดขึ้นมากหรือน้อย ก็ขึ้นกับว่านำมาใช้ปฏิบัติมากหรือน้อยในชีวิตจริง แต่บุคคล ผู้มีความรู้ธรรมะแล้วไม่นำมาปฏิบัติย่อมไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใดทั้งยังมีโอกาสก่อกรรมชั่วได้อีกด้วยกล่าว คือ นำความรู้ธรรมะที่ตนมีมาจ้องจับผิดผู้อื่น หรือมีใจไม่บริสุทธิ์ ใช้ความรู้ของตนเพื่อมุ่งทำลายผู้อื่น เป็นต้น (7) บรรดาผู้รู้ธรรมะแล้วนำไปปฏิบัตินั้น ก็แบ่งเป็น 2 ส่วนอีก คือ ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ของตน และปฏิบัติเพื่อประโยชน์ทั้งของตนและของผู้อื่น บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อตน แต่ไม่หวังประโยชน์เพื่อบุคคลอื่น ก็ คือผู้ที่เป็นกัลยาณมิตรให้แก่ตัวเองได้จึงกลายเป็นคนดีเฉพาะตัว แต่ไม่ได้ช่วยให้คนอื่นเป็นคนดีตามตัวเองไป ด้วย ส่วนบุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ทั้งตนและผู้อื่น คือ บุคคลผู้ตั้งใจประพฤติปฏิบัติตัวตามธรรมะ นั้น และยังชักชวนให้ผู้อื่นตั้งอยู่ในธรรมะ ตั้งอยู่ในความดีงาม ดังเช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและเหล่า อรหันตสาวกผู้ฝึกฝนตัวเอง จนเป็นผู้มีความบริสุทธิ์สะอาด ทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ ถือว่าเป็นผู้ ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตนเองและผู้อื่น พื้นฐานใจของบุคคลประเภทนี้จึงประกอบด้วยความเมตตา ความ ปรารถนาดี มากกว่าบุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อตนเองฝ่ายเดียว หลักการดูคนเป็น ย่อมเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่พระภิกษุในการแนะนำธรรมะ กล่าวคือ จะได้ ทราบว่าควรแนะนำธรรมะเท่าที่บุคคลนั้นจะเข้าใจ และที่เขาสามารถจะรองรับความรู้ คำแนะนำนั้นได้ อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ การดูคนเป็นยังจะช่วยให้เกิดความเข้าใจ ในกิริยาท่าทางคนฟังที่มีหลากหลายลักษณะ อีกด้วย ดังเช่นเรื่องราวของอุบาสก 5 คน มีเรื่องย่อ ดังนี้ บ ท ที่ 9 ขั้ น ต อ น ที่ 7 บุคคล ปโร ปรัญญู DOU 195
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More