ข้อความต้นฉบับในหน้า
จากเรื่องอุบาสก 5 คนนี้ ย่อมชี้ให้เห็นลักษณะภายนอกของคนที่มาฟังธรรม ซึ่งแม้อาจดูคล้ายคลึง
กัน แต่ความจริงไม่ได้คล้ายกันเลย ในเรื่องนี้ อุบาสกทุกคนล้วนมีความปรารถนาอยากที่จะฟังธรรม มี
ความศรัทธาเข้ามาเพื่อฟังธรรมด้วยตัวเองเหมือนกันทั้งหมด แต่บางคนตั้งใจฟังบางคนไม่ตั้งใจฟังนั่งหลับบ้าง
ใช้มือคุ้ยเขี่ยดิน ไม่ใส่ใจในธรรมบ้าง จึงได้รับประโยชน์จากการฟังธรรมไปตามส่วนที่แตกต่างกันไป เช่น
เดียวกัน พระภิกษุเมื่อเข้าไปแสดงธรรม แนะนำธรรมในกลุ่มคนหรือบุคคลใด ไม่ว่าจะเป็นครูอาจารย์
นักธุรกิจ หรือคนทำงาน ก็ต้องพิจารณากิริยาอาการด้วยเหมือนกัน
ดังนั้นการดูคนเป็นอาศัยหลักจากบุคคลปโรปรัญญูจึงเป็นประโยชน์ในการทำหน้าที่กัลยาณมิตรแก่
ผู้อื่นอย่างมาก เพราะช่วยจัดลำดับความสำคัญตามประเภทคนออกได้กล่าวคือ บุคคลใดที่มีความพร้อมในการ
ฟังธรรมะ รองรับธรรมะได้มาก พระภิกษุก็จะมุ่งความสำคัญไปยังบุคคลนั้นก่อน โดยหวังประโยชน์ที่บุคคลนั้น
จะได้รับเป็นสำคัญ ส่วนบุคคลที่มีความพร้อมน้อยกว่า ก็จะแสดงธรรมให้ความสำคัญลดหลั่นลงมาไปตาม
ความเหมาะสม แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงกระทำเช่นนี้เหมือนกัน ดังได้ตรัสไว้ใน “เทศนาสูตร” ว่า
“ดูก่อนนายคามณี ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน นาของคฤหบดี
ชาวนาในโลกนี้มีอยู่ 3 ชนิด คือ ชนิดหนึ่งเป็นนาดี ชนิดหนึ่งเป็นนาปาน
กลาง ชนิดหนึ่งเป็นนาเลว มีดินแข็ง เค็ม พื้นดินเลว ท่านจะสำคัญความ
ข้อนั้นเป็นไฉน คฤหบดีชาวนาต้องการจะหว่านพืช จะพึงหว่านในนาไหน
ก่อนเล่า”
“คฤหบดีชาวนาต้องการจะหว่านพืช จึงหว่านพืชในนาดีก่อน ครั้นหว่าน
ในนานั้นแล้ว จึงหว่านในนาปานกลาง ครั้นหว่านในนาปานกลางนั้นแล้ว
ในนาเลว มีดินแข็ง เค็ม พื้นดินเลว จึงหว่านบ้างไม่หว่านบ้าง ข้อนั้น
เพราะเหตุไร เพราะที่สุดจักเป็นอาหารโค”
“ดูก่อนนายคามณี เปรียบเหมือนนาดีฉันใด เราย่อมแสดงธรรมอันงาม
ในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้ง
อรรถทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง แก่ภิกษุและภิกษุณีของเราเหล่า
นั้นก่อนฉันนั้น ข้อนั้นเพราะเหตุไร
เพราะภิกษุและภิกษุณีเหล่านี้ มีเราเป็นที่พึ่ง มีเราเป็นที่เร้น มีเราเป็นที่
ต้านทาน มีเราเป็นสรณะอยู่
เทศนาสูตร, สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค, มก. เล่ม 29 ข้อ 603 หน้า 193
บ ท ที่ 9 ขั้ น ต อ น ที่ 7 บุคคล ปโรปรัญญู DOU 197