ข้อความต้นฉบับในหน้า
แสดงให้เห็นว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้ความสำคัญในขั้นตอน “การรับ” มากกว่าขั้นตอนอื่นๆ
ส่วนว่าจะมีความสำคัญอย่างไร จะได้อธิบายโดยละเอียดต่อไปในหัวข้อ “ความสำคัญและวิธีการรับ
ปัจจัย 4”
3. การบริโภคใช้สอยปัจจัย 4 ขั้นตอนนี้หมายถึงภายหลังจากที่รับปัจจัย 4 มา พระภิกษุก็สามารถ
นำมาบริโภคใช้สอยต่อไป ซึ่งหลักการสำคัญก็คือ ต้องพิจารณาใช้ให้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ที่พระสัมมา
สัมพุทธเจ้าทรงสอนไว้ ทั้งนี้เพราะนอกจากปัจจัย 4 จะเป็นทางมาของนิสัยทั้งที่ดีและไม่ดีแล้ว ยังเป็นอุปกรณ์
ที่ใช้ฝึกฝนอบรมเพื่อความสำรวม กาย วาจา ใจ และเพื่อขจัดกิเลสอาสวะของพระภิกษุได้ด้วย
4. การดูแลรักษาปัจจัย 4 หมายถึงการใช้ปัจจัย 4 ที่สาธุชนถวายมาให้คุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งในที่นี้
พระภิกษุจะต้องคอยหมั่นดูแลรักษา หรือบำรุงให้อยู่ในสภาพที่ดีตลอดเวลา เพื่อให้อายุการใช้งานยาวนาน
ยิ่งขึ้น หรือถ้าหากชำรุดเสียหาย ต้องหมั่นซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพที่ดีพร้อมใช้งาน เช่น จีวรที่ใช้ก็ต้องดูแลรักษา
ความสะอาดให้ดี เวลาซักก็ไม่ขยี้ผ้าแรงเกินไป ไม่บิดผ้าจนทำให้เสียรูปทรง เวลาฝั่งหรือตากให้แห้ง ต้อง
ระวังไม่ให้ถูกแดดจัดไป เพราะจะทำให้สีซีดได้ง่าย เวลาเก็บรักษาก็พับให้เรียบร้อย และเก็บรักษาไว้ในที่แห้ง
เป็นต้น
ในปัจจัย 4 อื่นๆ ที่แม้จะมีลักษณะของการใช้แตกต่างกันไป ก็ยังคงใช้หลักการเดียวกัน ซึ่งการ
รู้จักดูแลปัจจัย 4 อย่างนี้ ย่อมทำให้พระภิกษุเป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใสศรัทธา ปัจจัย 4 ที่ได้มาก็จะเป็น
ประโยชน์อย่างเต็มที่บริบูรณ์ แต่หากพระภิกษุขาดความระมัดระวังไม่ดูแลรักษาปัจจัย 4 ที่ได้มาดีพอ ย่อมเกิด
ผลในทางตรงกันข้าม คือ สาธุชนก็จะมีความเลื่อมใสศรัทธาลดน้อยลง ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อ
ความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา เพราะพระภิกษุต้องอาศัยปัจจัย 4 ที่ได้มาจากสาธุชน ดังที่
พระพุทธองค์ตรัสถึงความเสื่อมจากการไม่ดูแลข้าวของ ไว้ว่า
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตระกูลใดตระกูลหนึ่งถึงความเป็นใหญ่ในโภคทรัพย์
แล้ว ย่อมไม่ตั้งอยู่ได้นานเพราะสถาน 4 หรือสถานใดสถานหนึ่ง คือ
1. ไม่แสวงหาพัสดุที่หายแล้ว
2. ไม่ซ่อมแซมพัสดุที่คร่ำคร่า
3. ไม่รู้จักประมาณในการบริโภค
4. ตั้งสตรีหรือบุรุษทุศีลให้เป็นพ่อบ้านแม่เรือน”
กุลสูตร, อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต, มก. เล่ม 35 ข้อ 258 หน้า 623
130 DOU แม่บท การฝึกอบรมในพระพุทธศาสนา