ข้อความต้นฉบับในหน้า
2. การรักษาศีล ก็ทำได้ไม่ยากเลย เช่น การให้ความปลอดภัยแก่ชีวิต โดยไม่ฆ่าไม่เบียดเบียน
การให้ความปลอดภัยแก่ทรัพย์สินของผู้อื่น โดยไม่ลักไม่ขโมย ให้ความปลอดภัยแก่ครอบครัวของผู้อื่น โดย
ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสามี ภรรยาของผู้อื่น หรือบุคคลผู้มีเจ้าของหวงแหน ให้วาจาที่
อ่อนหวาน ให้คำพูด ที่ไพเราะ ให้คำพูดที่เป็นกำลังใจ เป็นปิยวาจา และดำรงความเป็นผู้มีสติอยู่เสมอ โดย
ไม่ดื่มของมึนเมาหรือเสพยาเสพติด เป็นต้น
3. การเจริญภาวนา สามารถทำได้อย่างง่ายๆ ทุกวัน ตั้งแต่เราตื่นนอนก็นั่งหลับตาทำใจนิ่งๆ โดย
ไม่คิดอะไร พร้อมกับแผ่เมตตาสักครู่หนึ่ง ช่วงพักกลางวันก็อาจแบ่งมานั่งพักหลับตาสัก 5 ถึง 10 นาที หรือ
มากกว่านั้นถ้ามีเวลา ก่อนเข้านอนก็จัดสรรเวลาอีกสักช่วงหนึ่งให้กับตัวเอง ที่สำคัญเราควรทำให้สม่ำเสมอ
ไม่ขาด ฝึกทำให้เป็นนิสัย จนกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน ส่วนวันหยุดจากการทำงานประจำ ควรเข้าวัดไป
นั่งสมาธิปฏิบัติธรรมให้นานขึ้น หรือหากมีโอกาส หาเวลาว่างสัก 3 ถึง 5 วัน เพื่อจะได้มีเวลานั่งได้
ต่อเนื่องยาวนาน ผลของการปฏิบัติธรรมจะได้ก้าวหน้ามั่นคง
ดังนั้น การทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา จึงทำได้ทุกวัน โดยเฉพาะบางวันอาจจะทำความดี
เป็นพิเศษ เช่น ทำทานด้วยการถวายภัตตาหารแด่พระทั้งวัด หรืออาจนั่งสมาธินานๆ ด้วยการนั่งเนสัชชิกังคัง
หรือบางวันอาจจะรักษาอุโบสถศีล เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นไปเพื่อกำจัดกิเลสโลภะ โทสะ โมหะให้เบาบางลง
กาย วาจา ใจก็จะยิ่งบริสุทธิ์ผ่องใสขึ้นไปทุกวัน
เมื่อทำได้ดังนี้แล้ว การฝึกฝนอบรมตนเองจะเกิดการพัฒนาขึ้นเป็นลำดับๆ นั่นคือ เกิดการพัฒนา
จากธัมมัญญูกลายเป็นอัตถัญญู พร้อมกับคุณธรรมภายในที่เพิ่มพูนขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม ความ
แก่รอบของความเป็นธัมมัญญู และอัตถัญญูจะยิ่งมากขึ้นเมื่อฝึกมากเข้าๆ ยิ่งศึกษาเรียนรู้ในหัวข้อธรรม
อื่นๆ และนำมาปฏิบัติฝึกฝนอบรมตนเองอย่างไม่หยุดยั้ง คุณธรรมก็จะถูกพัฒนาให้ก้าวหน้าขึ้นอย่าง
น่าอัศจรรย์ แม้ธรรมะภายในก็จะสว่างไสว บุคลิกภายนอกก็จะดูสงบ สง่างาม เป็นบุคคลที่น่าคบหา น่าเข้าใกล้
เป็นที่เคารพเกรงใจแก่ผู้พบเห็น
เนสัชชิกังคัง หมายถึง องค์แห่งภิกษุผู้ถือการนั่งเป็นวัตร คือ ถือ นั่ง ยืน เดิน เท่านั้น ไม่นอน (ข้อ 13 ในธุดงค์ 13)
บทที่ 4 ขั้ น ต อ น ที่ 2 อัตถั ญ ญ
DOU 85