ข้อความต้นฉบับในหน้า
จากกรุงราชคฤห์วันหนึ่งเศรษฐีเห็นคนบ้านนอกกินขนมเบื้องจึงนึกอยากกินบ้างแต่ก็เกรงว่าคนอื่นจะอยากกิน
ด้วย จึงเกิดความตระหนี่อดกลั้นความอยากเอาไว้ จนร่างกายผอมเหลือง ภรรยาเห็นจึงเข้าไปถาม พอทราบก็
รับจะทำขนมเบื้องให้ แต่เพราะความตระหนี่ จึงขอให้ภรรยาทำให้ตนกินแต่เพียงผู้เดียว เมื่อภรรยาจะลงมือ
ทำก็เกรงว่าจะมีคนเห็น จึงให้ภรรยานำอุปกรณ์ข้าวของขึ้นไปทำอยู่บนปราสาทชั้น 7 กัน 2 คน
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบด้วยอานุภาพของพระองค์ จึงตรัสเรียกพระมหาโมคคัลลานเถระ
มาแต่เช้าตรู่ และรับสั่งให้พระเถระไปทรมานเศรษฐีให้สิ้นพยศ เพื่อให้สองสามีภรรยานำขนมเบื้องนั้นมาที่
พระเชตวันแล้วถวายแก่พระองค์กับภิกษุ 500 รูป ด้วยกำลังของตน จากนั้นพระเถระก็ได้เหาะด้วยฤทธิ์ไป
ยังหน้าต่างปราสาท เศรษฐีเห็นเข้าก็ถึงกับเดือดดาล แม้พระเถระจะแสดงฤทธิ์ด้วยการยืน การนั่งสมาธิ
ในอากาศ เป็นต้น เศรษฐีก็ไม่ยอมให้ขนมเบื้องนั้น ต่อมาพระเถระได้ยังหวนควัน เศรษฐีกลัวไฟจะไหม้ปราสาท
จึงคิดว่าจะให้ขนมสักชิ้นหนึ่ง โดยสั่งให้ภรรยาหยอดขนมเบื้องแต่น้อย ปรากฏว่าขนมเบื้องได้ขยายใหญ่ขึ้น
แม้จะหยอดเองกี่ครั้งๆ ก็ยิ่งขยายใหญ่ขึ้นไปอีก เศรษฐีก็เบื่อหน่ายจึงสั่งภรรยาให้ถวายขนมแก่พระเถระหนึ่ง
ชิ้น ปรากฏว่าขนมได้ติดไปทั้งหมดแม้จะพยายามดึงแยกออกจากกันก็ไม่สามารถแยกได้ ดึงกันมาดึงกันไป
จนเศรษฐีเหนื่อยหมดแรง ไม่อยากกิน จึงบอกภรรยาให้ถวายขนมเบื้องแก่พระเถระไปทั้งหมด
พระเถระเห็นดังนั้นจึงแสดงธรรมจนเศรษฐีเลื่อมใส และได้พาเศรษฐีกับภรรยาไปถวายขนมเบื้องแด่
พระบรมศาสดาและพระภิกษุ 500 รูป เมื่อเสวยเสร็จพระพุทธองค์ทรงแสดงธรรม จนเศรษฐีและภรรยา
ได้บรรลุเป็นพระโสดาบันทั้งสองคน ตั้งแต่นั้นมา เศรษฐีและภรรยาจึงใช้ทรัพย์ 80 โกฏิ มาทำบุญในพระ
ศาสนาจนตลอดชีวิต
ทรัพย์ก็คืออำนาจอย่างหนึ่ง ในกรณีของเศรษฐีท่านนี้ นับว่ามีบุญดีที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมี
พระเมตตา จึงทำให้เศรษฐีได้ใช้ทรัพย์นั้นมาสั่งสมบุญบารมีให้กับตนเอง นอกจากนั้นยังได้ใช้ทรัพย์มา
ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และเป็นกำลังแก่พระภิกษุในการประกาศธรรม
4) ความถือดีของสมณะ
สมณะชื่อว่ามีทิฏฐิ คือถือดีในความเชื่อของตน ซึ่งเกี่ยวข้องกับความรู้สึกนึกคิดทางจิตใจ และมี
อิทธิพลไปทำให้บุคคลอื่นเชื่อตามไปได้ด้วย เมื่อนักบวชมีความเชื่อหรือความเห็นเป็นอย่างไรก็มักมีวัตรปฏิบัติ
ไปในทางเคร่งครัดต่อความเห็นนั้น เช่น บางพวกเห็นว่าการทรมานตนเองดี ก็จะทรมานตนเองด้วยวิธีต่างๆ
อย่างเข้มงวดจริงจัง หรือบางพวกเห็นว่าการบูชาไฟ สามารถทำให้หมดกิเลสได้ ก็จะบูชาไฟกันอย่างจริงจัง
เป็นต้น ดังนั้นไม่ว่านักบวชจะเป็นสัมมาทิฏฐิ หรือมิจฉาทิฏฐิก็ตาม ก็อาจน้อมนำใจของคนผู้ที่มีจริตอัธยาศัย
หรือมีความเห็นไปในทางเดียวกันให้คล้อยตามกันไปได้ง่ายนักบวชจึงเป็นเหมือนผู้นำทางจิตวิญญาณของผู้คน
178 DOU แม่บทการฝึกอบรมในพระพุทธศาสนา