ข้อความต้นฉบับในหน้า
ฉะนั้น เราจึงเรียกว่าเป็นปริสัญญ ภิกษุเป็นธัมมัญญู อัตถัญญู อัตตัญญู
มัตตัญญู กาลัญญู ปริสัญญู ด้วยประการฉะนี้
8.2 คำแปลและความหมาย
“ปริสัญญ” แปลว่า ผู้รู้จักบริษัท รู้จักสังคมของคนเพื่อจะได้ประพฤติปฏิบัติกาย วาจา หรือ
ปรับตัวให้เหมาะสมกับบริษัทนั้น หรือสังคมนั้นโดยไม่เสียธรรมะ
โดยความหมาย “ปริสัญญ” หมายถึง การเข้าหาคนเป็น คือ ความเป็นผู้รู้จักกลุ่มบุคคลทั้ง 4 ได้แก่
กษัตริย์ พราหมณ์ คฤหบดี และสมณะ กระทั่งสามารถเข้าหาและวางตัวในอิริยาบถต่างๆ กับกลุ่มบุคคล
นั้นๆ ได้อย่างเหมาะสม
คำว่า “รู้จักกลุ่มบุคคล” ในที่นี้ หมายถึงรู้จักจริต อัธยาศัย ระเบียบ ขนบธรรมเนียม ประเพณี
หรือวัฒนธรรมของกลุ่มบุคคลนั้นๆ
8.3 ความสำคัญของการเป็นปริสัญญ
การเป็นปริสัญญู คือ การเป็นผู้รู้จักเข้าหาและวางตัวกับบุคคลทั้ง 4 กลุ่มได้อย่างถูกต้อง
เหมาะสม แต่ละกลุ่มควรเข้าไปหาอย่างไร ยืนอย่างไร ทำอย่างไร นั่งอย่างไร นิ่งอย่างไร ตามจริต อัธยาศัย
ขนบธรรมเนียมประเพณีของแต่ละกลุ่ม ซึ่งการรู้จักเข้าหาและการวางตัวที่เหมาะสมจะทำให้เกิดการยอมรับ
เลื่อมใสศรัทธาต่อกลุ่มบุคคลนั้นๆ อันจะมีผลต่อการทำหน้าที่กัลยาณมิตรหรือการเทศน์สอนและเผยแผ่
พระพุทธศาสนา
หากพระภิกษุเพียงแต่รู้ธรรมะมามาก สามารถเทศน์สอนและถ่ายทอดธรรมะได้เป็นอย่างดี แต่
ไม่รู้จักการวางตัว ไม่รู้จักมารยาทในการเข้าหา ก็อาจทำให้ไม่เป็นที่ยอมรับเลื่อมใสศรัทธา หรืออาจถูก
ระแวงสงสัย เพราะการจะเป็นกัลยาณมิตรให้ผู้อื่นได้ พระภิกษุต้องอาศัยการเทศน์ให้บุคคลต่างๆ ฟัง จึงมี
ความจำเป็นอย่างยิ่งที่พระภิกษุต้องรู้จักกลุ่มบุคคล เพื่อจะได้เข้าหาและวางตัวได้อย่างถูกต้องเหมาะสม เป็น
ที่ยอมรับของทุกกลุ่มบุคคล ซึ่งจะเป็นต้นทางทำให้พระภิกษุมีโอกาสได้แสดงธรรมต่อไป
เรียบเรียงจาก พจนานุกรม มคธ ไทย, ป.หลงสมบุญ, พันตรี, สำนักเรียนวัดปากน้ำ
(กรุงเทพฯ : อากรการพิมพ์2540)
และ ธรรมานุกร สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย หน้าวัดบวรนิเวศวิหาร พระนคร
2527).
บท ที่ 8 ขั้ น ต อ น ที่ 6 ปริสัญญู DOU 169