ข้อความต้นฉบับในหน้า
2.5 ธัมมัญญสูตร คือ “วิธีการฝึก”
อย่างไรก็ตาม แม้จะทราบถึงขั้นตอนการฝึกทั้ง 6 ขั้นมาอย่างดีแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่า จะลงมือ
ฝึกให้บรรลุผลสำเร็จได้ในทันทีทันใด
เพราะหากนักศึกษาลองตั้งคำถามสำหรับการฝึกในขั้นตอนที่ 1 ว่า
เราจะเป็นผู้มีปาฏิโมกขสังวรได้อย่างไร ?
ปาฏิโมกข์มีเท่าไร ?
แต่ละข้อมีรายละเอียดอะไรบ้าง ?
มีนัยอย่างไร ?
นำไปฝึกปฏิบัติในชีวิตจริงได้ด้วยวิธีไหน ?
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราฝึกได้ผลจริงๆ ?
คำตอบของคำถามข้างบนนั้น ก็คือเราจำเป็นต้องทราบถึง “วิธีการฝึก” นั่นเอง
ดังที่กล่าวไว้ในบทที่ 1 แล้วว่า เราสามารถนำ “ธัมมัญญสูตร” มาเป็นแม่บทในการศึกษาถึงวิธี
การฝึกได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้เพราะธัมมัญญสูตรจะให้ความกระจ่างทั้งความรู้ ความเข้าใจ การนำขั้นตอนที่มี
ในคณกโมคคัลลานสูตรไปปฏิบัติได้จริง เป็นต้น สำหรับรายละเอียดของวิธีการจาก “ธัมมัญญสูตร” จะได้
ศึกษากันในบทต่อๆ ไป
2.6 คณกโมคคัลลานสูตรกับวิถีชีวิตของฆราวาส
แม้ว่าคุณกโมคคัลลานสูตรจะเป็นบทฝึกฝนตนเองของพระภิกษุก็ตาม แต่ฆราวาสก็สามารถจะนำ
เอาหลักการมาใช้ฝึกฝนตนเองได้เช่นกัน เพราะข้อปฏิบัติของคุณกโมคคัลลานสูตร ล้วนมุ่งฝึกเพื่อให้ใจกลับ
เข้ามาหยุดนิ่งอยู่ภายในตัว คือ ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ด ซึ่งแนวทางการฝึกฝนจะปรับไปตามวิถีชีวิตของ
ฆราวาส โดยฝึกผ่านการทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา ตามที่ได้กล่าวมาในบทที่ 1 แล้วนั้น เพราะ
หลักการสำคัญทั้ง 6 ขั้น ก็เพื่อการควบคุม กาย วาจา และใจ โดยที่
เช่นกัน
ปาฏิโมกขสังวร เป็นการควบคุม กาย และวาจา
อินทรียสังวร เป็นการควบคุมและระมัดระวังใจ
การรู้จักประมาณในโภชนะ เป็นการเตรียมความพร้อมของร่างกาย เพื่อการเจริญสมาธิภาวนา
ความเป็นผู้ตื่นอยู่ สติสัมปชัญญะ และการเสพเสนาสนะอันสงัด ก็เป็นไปเพื่อการเจริญสมาธิภาวนา
บทที่ 2 คณกโมคคัลลานสูตร DOU 49