ข้อความต้นฉบับในหน้า
เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน
โดยสรุปแล้ว สุตะ คือการหมั่นเข้าไปแสวงหาความรู้ สะสมข้อมูลธรรมะใหม่ๆ อยู่เสมอ เมื่อฟัง
แล้วก็นำมาตรึกตรองตาม ถ้ามีปัญหา หรือข้อสงสัยใดๆ ก็ไม่ยอมปล่อยผ่าน หมั่นเข้าไปสอบถามกับผู้รู้ให้
เข้าใจ เพราะการหมั่นฟังธรรม ย่อมจะได้รับอานิสงส์ 5 ประการ คือ
1. ได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง
2. เข้าใจสิ่งที่เคยฟังแล้ว ได้อย่างชัดเจน กระจ่างยิ่งขึ้น
3. บรรเทาความสงสัยได้
4. ทำให้มีความเห็นถูกต้องตรงไปตามความเป็นจริง
5. ผู้ฟังมีจิตเลื่อมใส
ผลที่สุดจากการฟังธรรม จิตของเราจะเลื่อมใส คือเกิดศรัทธาในพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากยิ่งๆ ขึ้นไป
และอยากที่จะศึกษาคำสอนของพระองค์เพิ่มขึ้นไปตามลำดับ
เพราะฉะนั้น การปล่อยชีวิตให้ผ่านไปวันๆ ไม่หมั่นศึกษาธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมทำให้
ความรู้ของเราไม่ก้าวหน้า ปัญญาก็ไม่เพิ่มพูน ดังพุทธพจน์ที่ว่า
“คนมีสุตะน้อยนี้ ย่อมแก่เหมือนโคถึก เนื้อของเขาย่อมเจริญ
แต่ปัญญาของเขาหาเจริญไม่”
ดังนั้น การสั่งสมความรู้ธรรมะยิ่งมากเท่าไร ยิ่งเป็นผลดี เพราะนอกจากจะเป็นประโยชน์กับการ
ฝึกฝนอบรมตนเอง ยังเป็นประโยชน์กับการแนะนำผู้อื่นด้วย การมีสุตะเหมือนกับการมีอาวุธไว้สู้กับข้าศึก
ภายใน คือกิเลสที่ฝังแน่นอยู่ในใจตน สมดังที่พระพุทธองค์ตรัสเปรียบเทียบไว้ใน “นครสูตร” ว่า
“อริยสาวกเป็นพหูสูต ทรงสุตะ สั่งสมสุตะ ได้สดับตรับฟังมาก ทรงจำ
ไว้ คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฏฐิ ซึ่งธรรมทั้งหลายอันงาม
ในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถ
พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง เปรียบเหมือนในปัจจันตนคร
ธัมมัสสวนสูตร, อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต, มก. เล่ม 36 ข้อ 202 หน้า 448
ชราวรรค, ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท, มก. เล่ม 42 หน้า 142
นครสูตร, อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต, มก. เล่ม 37 ข้อ 64 หน้า 226
บทที่ 5 ขั้ น ต อ น ที่ 3 อัตตัญญู DOU 99