ข้อความต้นฉบับในหน้า
หรือไม่ หรือมีข้อวัตรปฏิบัติทางกาย วาจา ใจ ใดๆ ที่ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ เป็นต้น
ดังนั้น แนวทางในการประเมินศรัทธาของพระภิกษุ คือ “ให้พิจารณาว่า ตนเองพยายามฝึกฝน
ขัดเกลากาย วาจา ใจ ตามคำสอนอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันหรือไม่”
สําหรับฆราวาส
อาจใช้หลักการประเมินแบบเดียวกันกับพระภิกษุด้วยเหตุที่บทฝึกปฏิบัติของฆราวาสคือการทำทาน
รักษาศีล และเจริญสมาธิภาวนา ฆราวาสจึงควรพิจารณาตนเองว่า เราได้ทุ่มเทฝึกปฏิบัติได้ดีเพียงใด อาทิ
เช่น การทำทาน อาจพิจารณาดังนี้
1. เราได้ทำทานสม่ำเสมอทุกวันหรือไม่
2. เราสามารถทำทานได้ตามหลักการทำทานที่ได้บุญมากหรือไม่ โดยให้พิจารณาจาก
2.1 รักษาใจให้ผ่องใสทั้งก่อนทำ ขณะทำ และหลังทำได้หรือไม่
2.2 จัดเตรียมทานได้ประณีตหรือไม่
2.3 วัตถุทาน เจตนา ผู้รับทานของเราบริสุทธิ์หรือไม่
2.4 เราให้ทานด้วยความเคารพเลื่อมใส และให้ด้วยมือตนหรือไม่
ส่วนการรักษาศีล และการเจริญสมาธิภาวนา ก็สามารถใช้หลักการในทำนองเดียวกัน โดยอาศัย
เกณฑ์ที่ว่า “เราทุ่มเทเอาชีวิตเป็นเดิมพันในการสร้างบารมี เหมือนกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือไม่”
5.6.2 ประเมินด้วย “ศีล”
สําหรับพระภิกษุ
ให้ประเมินจากความผ่องใสของใจ โดยนึกถึงวัตรปฏิบัติอันหมดจดทางกายของเราทีไรแล้วใจสว่าง
มีปีติเบิกบาน เย็นกายเย็นใจ สัมผัสได้ถึงความบริสุทธิ์ของตนเอง โดย
1. หมั่นประเมินโดยการทบทวนตัวเองว่า ในแต่ละวัน เรามีความเคร่งครัดในการรักษาศีลมาก
น้อยเพียงใด เช่น ความบริสุทธิ์บริบูรณ์ในปาริสุทธิศีล โดยพิจารณาว่า เรามีกำลังใจที่จะปฏิบัติตามศีล
ที่พระองค์ทรงห้ามไว้ หรือที่ทรงอนุญาตไว้เคร่งครัดเพียงใด สมบูรณ์หรือบกพร่องด่างพร้อยแค่ไหน เป็นต้น
2. หมั่นประเมินว่า เราปฏิบัติกิจวัตรกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ครบถ้วนสมบูรณ์ดีหรือไม่ เช่น
การสวดมนต์ เจริญสมาธิภาวนา การเล่าเรียนศึกษาธรรมะ เป็นต้น
106 DOU แม่บท การฝึกอบรมในพระพุทธศาสนา