ข้อความต้นฉบับในหน้า
2. ภารกิจที่สำคัญ แต่ไม่เร่งด่วน เช่น งานในด้านการวางแผน หรือกำหนดนโยบายที่จะส่งผลกระทบ
ต่อชีวิต หน่วยงาน หรือองค์กรในระยะยาว เป็นต้น
3. ภารกิจไม่สำคัญ แต่เร่งด่วน ได้แก่เรื่องเล็กน้อยทั่วๆ ไป เช่นการรับโทรศัพท์ที่กำลังดัง เป็นต้น
4. ภารกิจไม่สำคัญ และไม่เร่งด่วน เช่น การไปเที่ยวเตร่เฮฮา หรือการไปชมภาพยนตร์ ที่ไม่ได้มี
ผลดีต่อตนเอง เป็นต้น
ในภารกิจเหล่านั้น หากจัดตามลำดับความสำคัญ คนในทางโลกคงให้ความสำคัญกับภารกิจที่ 2 คือ
“สำคัญ แต่ไม่เร่งด่วน” เป็นอันดับแรก ส่วนภารกิจสำคัญและเร่งด่วนก็อยู่ในลำดับรองลงมา ทั้งนี้เนื่องจากว่า
ภารกิจสำคัญ ที่ไม่เร่งด่วนนั้น แม้จะยังไม่ส่งผลกระทบในระยะสั้นแต่อย่างใด แต่ถ้าหากนิ่งนอนใจไม่รีบทำ
ไว้โดยเฉพาะเรื่องการวางแผนและนโยบายก็จะส่งผลกระทบอย่างมากมายต่อความก้าวหน้าของงาน หรือต่อ
องค์กรนั้นๆ ในอนาคต สำหรับภารกิจสำคัญและเร่งด่วนนั้น แม้จะมีความสำคัญต้องรีบทำก็จริง แต่ก็มัก
ส่งผลในระยะสั้น และนานๆ จึงจะมีให้ทำสักครั้งหนึ่ง
จากเหตุปัจจัยดังกล่าว แม้หลักการบริหารเวลาในทางโลก ก็ยังให้ทุ่มเวลาไปกับภารกิจสำคัญก่อน
เช่นกัน ดังนั้นหากจะนำกาลัญญมาปรับใช้ให้เหมาะกับวิถีชีวิตของฆราวาส ก็สามารถทำได้ไม่ยาก โดย
เริ่มต้นจากการแบ่งกาลทั้ง 4 ออกเป็น 2 ภารกิจ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น คือ
1. การเรียนและการสอบถาม ก็คือ การศึกษาในด้านปริยัติ
2. การประกอบความเพียรและการหลีกออกเร้น ก็คือ การศึกษาในด้านปฏิบัติ
ในเมื่อฆราวาสก็ต้องบริหารเวลาเพื่อการสร้างบารมี เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของชีวิตเช่นกัน แต่
การจะบรรลุเป้าหมายได้นั้น คงต้องฝึกปฏิบัติด้วยวิธีที่เหมาะกับเพศภาวะของตนเอง ซึ่งในที่นี้ ก็คือการฝึกฝน
ตนเองผ่านการทำทาน รักษาศีล และเจริญสมาธิภาวนา ดังนั้นจึงต้องฝึกบริหารเวลาไปเพื่อใช้ในการ
- ศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่อง ทาน ศีล และภาวนา อย่างจริงจัง และ
- นำมาฝึกปฏิบัติตามที่ได้ศึกษามานั้น และหมั่นตอกย้ำซ้ำเดิมเรื่อยไป
ด้วยวิธีนี้ ผู้เป็นฆราวาสก็ย่อมจะได้รับประโยชน์อันยิ่งใหญ่คือการได้นำชีวิตของตนเองให้เข้าใกล้กับ
เป้าหมายชีวิตอย่างแท้จริง
บทที่ 7 ขั้ น ต อ น ที่ 5 กาลัญญ DOU 163