ข้อความต้นฉบับในหน้า
เธอกลับจากบิณฑบาตภายหลังเวลาอาหารแล้ว นั่งขัดสมาธิตั้งกายตรง ดำรงสติมั่นเฉพาะหน้า
ละอภิชฌา เพ่งเล็งในโลกแล้ว มีใจปราศจากอภิชฌาอยู่ ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากอภิชฌาได้
ละโทษคือพยาบาทปองร้ายแล้ว เป็นผู้มีจิตไม่พยาบาทอนุเคราะห์ด้วยความเกื้อกูลในสรรพสัตว์
และภูตอยู่ ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากความชั่วคือพยาบาทได้
ละถีนมิทธะ ง่วงเหงาหาวนอนแล้ว เป็นผู้มีจิตปราศจากถีนมิทธะ มีอาโลกสัญญาสำคัญว่าสว่าง
มีสติสัมปชัญญะอยู่ ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากถีนมิทธะได้
ละอุทธัจจกุกกุจจะ ความฟุ้งซ่านและรำคาญแล้ว เป็นผู้ไม่ฟุ้งซ่าน มีจิตสงบภายในอยู่ ย่อมชำระ
จิตให้บริสุทธิ์จากอุทธัจจกุกกุจจะได้
ละวิจิกิจฉา ความสงสัยแล้วเป็นผู้ข้ามวิจิกิจฉา ไม่มีปัญหาอะไรในกุศลธรรมทั้งหลายอยู่ ย่อมชำระ
จิตให้บริสุทธิ์จากวิจิกิจฉาได้
เธอครั้นละนิวรณ์ 5 อย่าง อันเป็นเครื่องทำใจให้เศร้าหมอง ทำปัญญาให้ถอยกำลังนี้ได้แล้ว จึง
สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม เข้าปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่
เข้าทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งใจภายใน มีความเป็นธรรมเอกผุดขึ้น เพราะสงบวิตกและวิจาร
ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่
เป็นผู้วางเฉยเพราะหน่ายปีติ มีสติสัมปชัญญะอยู่ และเสวยสุขด้วยนามกาย เข้าตติยฌานที่พระ
อริยะเรียกเธอได้ว่า ผู้วางเฉย มีสติอยู่เป็นสุขอยู่
เข้าจตุตถฌาน อันไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุข ละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีสติ
บริสุทธิ์เพราะอุเบกขาอยู่
ดูก่อนพราหมณ์ ในพวกภิกษุที่ยังเป็นเสขะ ยังไม่บรรลุพระอรหัตตมรรค ยังปรารถนาธรรมที่
เกษมจากโยคะอย่างหาธรรมอื่นยิ่งกว่ามิได้อยู่นั้น เรามีคำพร่ำสอนเห็นปานฉะนี้ ส่วนสำหรับภิกษุพวกที่
เป็นอรหันตขีณาสพ อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลงภาระได้แล้ว ถึงประโยชน์ตนแล้ว
ตามลำดับ สิ้นสัญโญชน์ในภพแล้ว พ้นวิเศษแล้วเพราะรู้ชอบนั้น ธรรมเหล่านี้ย่อมเป็นไปเพื่อความอยู่สบาย
ในปัจจุบัน และเพื่อสติสัมปชัญญะ
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้วอย่างนี้ พราหมณ์คุณกโมคคัลลานะได้ทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าดังนี้
ว่า สาวกของพระโคดมผู้เจริญ อันท่านพระโคดมโอวาทสั่งสอนอยู่อย่างนี้ ย่อมสำเร็จนิพพานอันมีความสำเร็จ
ล่วงส่วนทุกรูปทีเดียวหรือ หรือว่าบางพวกก็ไม่สำเร็จ
บทที่ 10 ความสัมพันธ์ ของคุณ ก โ ม ก คั ล ล า น สู ต ร กับธัมมัญญสูตร DOU 235