ข้อความต้นฉบับในหน้า
ดังนั้น การฝึกอบรมเบื้องต้นก็คือ การศึกษา ศีล สมาธิ ปัญญา นั่นเอง ซึ่งพระสาวกต้องอาศัย
ความพากเพียรพยายามในการศึกษาและปฏิบัติเรื่อยไป จนกว่ากาย วาจา ใจ จะใสสะอาดบริสุทธิ์หลุดพ้น
ในวันใดวันหนึ่งได้ สมดังที่ทรงตรัสเอาไว้ว่า
“ภิกษุทั้งหลาย กิจที่ต้องรีบทำของภิกษุ 3 นี้คืออะไรบ้าง คือการบำเพ็ญ
อธิศีลสิกขา การบำเพ็ญอธิจิตตสิกขา การบำเพ็ญอธิปัญญาสิกขา นี้แลกิจที่
ต้องรีบทำของภิกษุ 3 แต่ภิกษุนั้นไม่มีฤทธิ์หรืออานุภาพที่จะบันดาลให้จิตของ
ตนเลิกยึดถือหลุดพ้นจากอาสวะในวันนี้ หรือพรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้ได้ ที่ถูกย่อมมี
สมัยที่เมื่อภิกษุนั้นศึกษาอธิศีลไปศึกษาอธิจิตไปศึกษาอธิปัญญาไปจิตย่อมจะ
เลิกยึดถือ หลุดพ้นจากอาสวะได้”
1.3 การฝึกฝนอบรมตนเอง
จากพุทธพจน์ที่กล่าวมาข้างต้น ชี้ให้เห็นว่า พระภิกษุผู้ศึกษาในอธิศีล อธิจิต และอธิปัญญา ต้อง
อาศัยความเพียรพยายามในการปฏิบัติตามคำสอนด้วยตัวเอง และความพยายามในการปฏิบัตินั้น พระภิกษุ
ก็ต้องทำด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ คือต้องหมั่นนำความรู้ที่ได้จากการศึกษาเรื่องศีล สมาธิ ปัญญา มาเพื่อ
“ฝึก - ฝน - อบ - รม” กาย วาจา ใจ ของตนเองให้บริสุทธิ์บริบูรณ์
“ฝึก” หมายถึง นำมาทำให้ได้
“ฝน” หมายถึง การทำต่อเนื่องให้ดีจนชำนาญ
“อบ” หมายถึง ทำให้ร้อน หรือทำให้หอมอบอวลไปทั่ว
“รม” หมายถึง ทำให้ติดแน่น
ดังนั้น จึงอาจกล่าวโดยสรุปถึงการศึกษาในทางพระพุทธศาสนาได้ว่า คือการนำคำสอนของ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาฝึกปฏิบัติ เพื่อขัดเกลา กาย วาจา ใจ ให้ใสสะอาดบริสุทธิ์ ฝึกจนกระทั่งติดกลาย
มาเป็นนิสัย จนกระทั่งได้รับผลดีจากการปฏิบัตินั้นได้ชัดเจน
อัจจายิกสูตร, อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต, มก. เล่ม 34 ข้อ 532 หน้า 474
6 DOU แม่บท การฝึกอบรมในพระพุทธศาสนา