การจูงใจและการแสดงธรรม SB 303 แม่บทการฝึกอบรมในพระพุทธศาสนา หน้า 216
หน้าที่ 216 / 252

สรุปเนื้อหา

เนื้อหาเกี่ยวกับการจูงใจให้ผู้ฟังรับรู้ธรรมะและเกิดแรงบันดาลใจในการนำไปปฏิบัติ โดยแบ่งเป็นสามส่วนคือ จูงใจ หาญกล้า และ ร่าเริง การแสดงธรรมควรมีเรื่องประกอบและการเปรียบเทียบเพื่อช่วยให้ผู้ฟังเข้าใจและอยากนำธรรมะไปปฏิบัติอย่างมีความสุข พระภิกษุควรใช้เทคนิคเหล่านี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสอนธรรมะ ให้ผู้ฟังไม่รู้สึกเบื่อหน่ายและติดตามได้อย่างต่อเนื่อง

หัวข้อประเด็น

-การจูงใจ
-การสร้างแรงบันดาลใจ
-เทคนิคการแสดงธรรม
-การใช้เรื่องประกอบ
-การอุปมาอุปไมย

ข้อความต้นฉบับในหน้า

2. จูงใจ (สมาทปนะ) หมายถึง ทำให้ผู้ฟังยอมรับธรรมะและเกิดแรงบันดาลใจอยากนำธรรมะ ที่ได้ฟังไปปฏิบัติตาม 3. หาญกล้า (สมุดเตชนา) หมายถึง ทำให้ผู้ฟังเกิดกำลังใจ เกิดความบากบั่น พร้อมที่จะฝ่าฟัน อุปสรรคในการนำธรรมะที่ได้ฟังไปปฏิบัติ เพราะรู้ว่าธรรมะที่ทำนั้น จะเป็นประโยชน์ เป็นความสุข ความ เจริญแก่ตัวเอง จึงพร้อมหาญกล้าฝ่าฟันอุปสรรค 4. ร่าเริง (สัมปหังสนา) หมายถึง ทำให้จิตใจผู้ฟังเกิดความแช่มชื่น ร่าเริง แจ่มใส เบิกบานใจ ไม่เบื่อหน่าย จะเห็นได้ว่า นอกจากเนื้อหาธรรมะที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ฟังอยู่แล้ว การรู้จักใช้ลีลาเพื่อการ แสดงธรรมก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะจะทำให้คนฟังอยากที่จะนำธรรมะที่ฟังไปปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ แก่ตน แม้อาจไม่มั่นใจ ไม่แน่ใจ แต่ก็มีกำลังใจ จนเกิดความอาจหาญ กล้าที่จะฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ไปได้ พระภิกษุจึงควรยึดถือไว้เป็นแนวทางหนึ่งในการแสดงธรรม 9.5 เทคนิคการแสดงธรรม 9.5.1 รู้จักมีเรื่องประกอบเป็นตัวอย่าง การมีเรื่องตัวอย่างประกอบจะช่วยให้ผู้ฟังจดจำง่าย เข้าใจได้ง่าย และเกิดความเพลิดเพลินในการ ฟัง ไม่เบื่อหน่าย สามารถติดตามเนื้อหาสาระที่พระภิกษุแนะนำ แสดงธรรมได้ตลอดต่อเนื่อง ไม่ขาดตอน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงมีเรื่องตัวอย่างประกอบเช่นกัน ซึ่งบางครั้งเป็นเรื่องของพระองค์เอง ในขณะที่บำเพ็ญบารมีเป็นพระบรมโพธิสัตว์อยู่ บางครั้งก็เป็นเรื่องในสมัยพุทธกาลของพระองค์ กับ เหล่าสาวกบ้าง เป็นต้น 9.5.2 รู้จักใช้การอุปมาอุปไมย หรือการเปรียบเทียบ เมื่อต้องอธิบายในสิ่งที่เข้าใจได้ยาก การอุปมาเปรียบเทียบก็ช่วยให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงใช้วิธีนี้เช่นกันดังตัวอย่างที่พระมาลุงกยบุตรทูลถามปัญหาเรื่องของโลกกับ พระองค์ เช่น โลกนี้เที่ยง หรือโลกนี้ไม่เที่ยง โลกนี้มีที่สุด หรือโลกนี้ไม่มีที่สุด เป็นต้น ซึ่งเป็นปัญหาที่ไม่มี ประโยชน์ต่อการทำอาสวกิเลสให้หมดไป พระพุทธองค์ไม่ทรงตอบโดยตรง แต่ทรงใช้วิธีอุปมา ดังปรากฏใน “จูฬมาลุงกยโอวาทสูตร” ว่า จูฬมาลุงกยโอวาทสูตร, มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์, มก. เล่ม 20 ข้อ 150 หน้า 301 บทที่ 9 ขั้ น ต อ น ที่ 7 บุคคล ปโรปรัญญู DOU 205
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More