ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระภิกษุควรเข้าใจธรรมชาติของคนฟังว่า มีทั้งที่พร้อมรับฟังคำแนะนำ และพร้อมปฏิบัติตัวตาม
ได้ กับที่ยังไม่พร้อมรับฟัง และไม่พร้อมจะปฏิบัติตัวตาม
ความสำคัญของธรรมชาติคนฟัง ไม่ได้อยู่ที่รู้ว่าใครเป็นบุคคลประเภทใด เช่น คนนี้เป็นประเภท
อุคฆติตัญญู คนโน้นเป็นประเภทวิปจิตัญญู หากแต่เป็นเรื่องการดูคนที่มีความแตกต่างกันไปตามธรรมชาติ
ของแต่ละคนให้ออก ซึ่งพูดให้ง่าย ก็หมายถึงการ “ดูคนเป็น” นั่นเอง
9.2 รู้จักบุคคลปโรปรัญญ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสหลักการดูคนเป็นไว้แล้ว ในเรื่องบุคคลปโรปรัญญ มีรายละเอียด ดังนี้
“ก็ภิกษุเป็นบุคคลปโรปรัญญอย่างไร ภิกษุในธรรมวินัยนี้เป็นผู้รู้จักบุคคลโดยส่วน 2 คือ บุคคล
2 จําพวก คือ
1) พวกหนึ่งต้องการเห็นพระอริยะ พวกหนึ่งไม่ต้องการเห็นพระอริยะ บุคคลที่ไม่ต้องการเห็น
พระอริยะ จึงถูกติเตียนด้วยเหตุนั้นๆ บุคคลที่ต้องการเห็นพระอริยะ จึงได้รับความสรรเสริญด้วยเหตุนั้นๆ
บุคคลที่ต้องการเห็นพระอริยะก็มี 2 จำพวก คือ
2) พวกหนึ่งต้องการจะฟังสัทธรรม พวกหนึ่งไม่ต้องการฟังสัทธรรม บุคคลที่ไม่ต้องการฟัง
สัทธรรมจึงถูกติเตียนด้วยเหตุนั้นๆ บุคคลที่ต้องการฟังสัทธรรม จึงได้รับความสรรเสริญด้วยเหตุนั้นๆ บุคคลที่
ต้องการฟังสัทธรรมก็มี 2 จำพวก คือ
3) พวกหนึ่งตั้งใจฟังธรรมพวกหนึ่งไม่ตั้งใจฟังธรรม บุคคลที่ไม่ตั้งใจฟังธรรม พึงถูกติเตียนด้วย
เหตุนั้นๆ บุคคลที่ตั้งใจฟังธรรม จึงได้รับความสรรเสริญด้วยเหตุนั้นๆ บุคคลที่ตั้งใจฟังธรรมก็มี 2 จำพวก
คือ
4) พวกหนึ่งฟังแล้วทรงจำธรรมไว้ พวกหนึ่งฟังแล้วไม่ทรงจำธรรมไว้ บุคคลที่ฟังแล้วไม่ทรง
จำธรรมไว้ จึงถูกติเตียนด้วยเหตุนั้นๆ บุคคลที่ฟังแล้วทรงจำธรรมไว้จึงได้รับความสรรเสริญด้วยเหตุนั้นๆ
บุคคลที่ฟังแล้วทรงจำธรรมไว้ก็มี 2 จำพวก คือ
5) พวกหนึ่งพิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ทรงจำไว้ พวกหนึ่งไม่พิจารณาเนื้อความแห่งธรรม
ที่ทรงจำไว้ บุคคลที่ไม่พิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ทรงจำไว้ จึงถูกติเตียนด้วยเหตุนั้นๆ บุคคลที่พิจารณา
เนื้อความแห่งธรรมที่ทรงจำไว้ จึงได้รับความสรรเสริญด้วยเหตุนั้นๆ บุคคลที่พิจารณาเนื้อความแห่งธรรม
ที่ทรงจําไว้ก็มี 2 จำพวก คือ
6) พวกหนึ่งรู้อรรถรู้ธรรมแล้ว ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม พวกหนึ่งหารู้อรรถรู้ธรรม แล้ว
ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมไม่ บุคคลที่หารู้อรรถรู้ธรรมปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมไม่ จึงถูกติเตียน
192 DOU แม่บทการฝึกอบรมในพระพุทธศาสนา